เรียกได้ว่าในตอนนี้นอกจากมือถือที่ทุกคนต้องมีติดตัวแล้ว เราเรื่องว่าหลายๆ คนยังคงต้องมีแกดเจ็ทจำพวกหูฟังไร้สายชนิดต่างๆ ติดตัวเป็น Accessory  เสริมตามไลฟ์สไตล์ของแต่บะคนกันอย่างแน่นอน

วันนี้พวกเรามีเรื่องเล่าเกี่ยวของหูฟังไร้สาย รุ่นล่าสุดจาก Skullcandy อย่างรุ่น “Skullcandy Indy Truly Wireless” มาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกัน เผื่อว่าใครกำลังมองหาหูฟังไร้สายไว้ใช้งาน หลังได้อ่านเรื่องของ Skullcandy Indy Truly Wireless จบแล้วมันอาจเป็นตัวเลือกอีกตัวในการตัดสินใจซื้อหาไว้ใช้งาน

เริ่มด้วยการเปิดกล่อง มีอะไรให้มาบ้าง

  • คู่มือการใช้งาน
  • สายชาร์จ
  • เคสชาร์จ
  • Ear gels สำรองสำหรับของหาย
  • ตัวเครื่อง Skullcandy Indy Truly Wireless

ต่อด้วยเรื่องของดีไซน์และดีเทลเล็กๆ น้อยๆ ของ 

เรียกได้ว่าเป็นอีกรุ่นที่ทำออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยครับสำหรับหูฟังไร้สาย “Skullcandy Indy Truly Wireless” ตัวใหม่ล่าสุดของค่ายหูฟัง Skullcandy หรือที่คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ “ลูกกวาดหัวกะโหลก” ที่อยู่คู่กับวงการเครื่องเสียงพกพามาอย่างอยาวนาน แต่เมืองไทยทาง Skullcandy  เพิ่งเข้ามาทำตลาดได้ไม่นาน แต่ชื่อของ Skullcandy  ก็สามารถติดหูคนไทยได้ในเวลาไม่นาน

สำหรับรุ่นที่เรากำลังจะทำการรีวิวมีชื่อว่า Skullcandy Indy True Wireless เป็นหูฟังไร้สายที่ดีไซน์ออกจะคล้ายๆ กับหูฟังรุ่นดังของ Apple อย่าง AirPort อยู่พอสมควร แต่ราคาถูกกว่าค่อนข้างเยอะเลย

ข้างตัวตัวเคสของ “Skullcandy Indy Truly Wireless” จะบอกสถานะของการทำงานในเรื่องของไฟ มีไฟแจ้งสถานะด้วยกันทั้งหมด 3 ระดับ ทำหน้าที่คือแจ้งเตือนระดับแบตเตอรี่ แจ้งสถานะขณะเสียบหูฟังชาร์จ ก็ขึ้นไฟสีขาวแจ้งเตือนด้วยว่ากำลังชาร์จอยู่ และแน่นอนว่าเมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมดจะมีไฟสีแดงให้เราเห็น

ตัว Gel Ears สวมใส่กระชับ ไม่หลุดง่าย และถอดออกได้ o Touch Control ควบคุมการทางาน เล่น หยุด เปลี่ยนเพลง และเพิ่มลดเสียงได้ด้วยนิ้วสัมผัส

การสัมผัสบนตัวหูฟัง (Touch Controls) ทำไรได้บ้าง? มาดูกัน

หูฟังทั้งสองข้างสั่งงานด้วยระแบบ Touch Control ควบคุมการใช้งาน, การโทร, เปลี่ยนเพลง, ปรับเสียงด้วยการสัมผัส แต่หลักๆ แล้วการทำงานทั้งหมดอยู่อยู่ที่หูฟังด้านขวาเป็นหลักครับ

การควบคุม

แตะสองครั้งที่ด้านขวา เป็นคำสั่ง Play/Pause , รับสาย / วางสาย แตะ 1 ครั้งด้านขวาเป็นเพิ่มเสียง ด้านซ้ายลดเสียง

สำหรับการสั่งงานบนตัวหูฟัง

เบาๆ ค้างไว้ให้ได้ระดับเสียงที่ต้องการ (ด้านขวาเพิ่มเสียง/ด้านซ้ายลดเสียง) และหากอยากเลื่อนไปเพลงถัดไป ก็สามารถทำได้โดยการ Touch หูฟังซ้ายหรือขวาตามที่อยากเลื่อน ค้างไว้ประมาณ 2 วินาที ส่วนการ Play/Pause ก็ทำได้โดยแตะเบาๆ ที่หูฟังด้านขวา 2 ครั้ง ก็สามารถสั่งงานฟังก์ชั่นต่างๆ ได้แล้ว แต่ส่วนใหญ่แล้วเราเชื่อว่าผู้ใช้งานมักจะสั่งงาน ไม่ว่าจะเป็นส่วนของการฟังเพลงหรือแม้แต่กระทั้งการรับสายเข้า-โทรออกผ่านตัวสมาร์ทโฟนเป็นหลัก

FYI : 

การเปิด Bluetooth ที่ตัวเครื่อง เพื่อการเชื่อมต่อในครั้งแรก ให้คุณแตะที่บริเวณปุ่มหูฟัง (ตรงโลโก้) ซ้ายขวาทิ้งไว้ประมาณ 3 วินาที  และแน่นอนคุณต้องเปิด Bluetooth ที่สมาร์ทโฟน ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Bluetooth  แล้วเลือก  “Indy”

สรุปการใช้งานหลังได้ครอบครอง เป็นเจ้าของ Skullcandy Indy True Wireless 

เรื่องของการฟังเพลง:

โทนเสียงเพลงที่ได้ฟังเรียกว่าเป็นโทนเสียงที่หลายๆ คนชอบเสียงเบสแน่นกำลังดี เสียงชัดเจนดี เวลาทีเสียงกว้าง หากต้องใช้งานและใช้เวลาฟังนานๆ การใส่ ไม่ได้ทำให้เรารำคาญหูหรือมีอาการปวดหัวเลย(ส่วนตัวเท่าที่ได้ลองใช้งาน) ถือว่าคุ้มค่ากับราคา เพียง 3,900 บาท 

หากว่าคุณกำหลังมองหาหูฟังไร้สายดีๆ ไว้ใช้งานช่วงของราคานี้ Skullcandy Indy True Wireless ถือเป็นอีกตัวเลือกที่คุณควรแวะเวียนไปลอง ไม่แน่นะคุณอาจจะได้ของใหม่กลับบ้านอีกชิ้น

เรื่องของการ Call คุยสาย:

ส่วนของการสนทนาเรียกว่าสามารถรับสายได้ได้จากหูฟังทั้งสองข้าง ซึ่งเวลารับสายจะได้ยินเสียงทั้งสองข้าง แต่ไมค์จะอยู่ทางด้านขวานะครับ การสนทนากับฝั่งตรงข้ามได้เสียงที่ชัดเจน ตัดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีพอสมควรในขณะที่สนทนาได้ยินดีทั้งสองข้าง ส่วนไมโครโฟนจะอยู่ที่ด้านขวา เสียงการสนทนาชัดเจน มีระบบ Noise Reduction ลดเสียงรบกวนตอนคุยสาย

อีกทั้งตัวหูฟังมีขนาดกระทัดรัด น้ำหนักเบาทำให้สวมใส่สบาย ทำให้ไม่รู้สึกปวดเมื่อยหรือรำคาญเมื่อสวมใส่เป็นเวลานาน ๆ แถมพกพาสะดวกด้วยกล่องบรรจุเพื่อจัดเก็บ และชาร์จไฟพร้อมกันในตัว เมื่อตัวหูฟังถูกเสียบกลับลงในกล่องเคส 

แล้วควรซื้อมั้ย: 

หากจะพูดกันในเรื่องของคุณสมบัติและคุณภาพ สำหรับเจ้าหูฟังไร้สาย Skullcandy Indy True Wireless เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจกับหูฟังไร้สาย ด้วยฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ให้มาครบใส่ออกกำลังกายได้ ที่มีราคาเหมาะสมกับคุณภาพที่ไม่น่าเสียดายเงินในกระเป๋าอย่างแน่นอน

โดย  Skullcandy Indy True Wireless มีวางจำหน่ายแล้ว ในราคา  3,900 บาท  สามารถหาซื้อได้แล้ววันนี้ที่ร้านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่   www.mentagram.com หรือ www.facebook.com/SkullcandyThailand

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
สัมผัส “Galaxy Tab S9 series” แท็บเล็ตสุดของพรีเมียมรุ่นใหม่ล่าสุด
[เล่าเท่าที่เล่น] ไปไหนไปด้วยกับ “แท่นชาร์จไร้สาย BAZIC 3-in-1 GoMag Gyre MagSafe” แท่นชาร์จแม่เหล็กไร้สาย 3-in-1
ลองเล่น “Skullcandy Venue” หูฟัง Noise Cancelling สุดเฟี้ยว ที่เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์

Leave Your Reply

*