News PR

GARMIN ปั้นนักกีฬาวิเคราะห์ข้อมูล เปิดตัวโปรเจค ATHLETE PROGRAM รุกแนวคิด TRAIN SMARTER

GARMIN ย้ำจุดยืนผู้นำสมาร์ทวอทช์ระดับโลก เปิดตัวนักวิ่งรุ่นใหม่ในโปรเจค “GARMIN ATHLETE PROGRAM” ผลักดันแนวคิด “TRAIN SMARTER” พัฒนาศักยภาพนักกีฬาผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลการฝึกซ้อม

กรุงเทพฯ (24 เม.ย. 68) – GARMIN ตอกย้ำความเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์จีพีเอสสมาร์ทวอทช์ระดับโลก เปิดตัวนักวิ่งเลือดใหม่เข้าสู่ครอบครัว Garmin Thailand ภายใต้ #GarminTeamTH ในโปรเจค “GARMIN ATHLETE PROGRAM” ที่มุ่งส่งเสริมแนวคิด “TRAIN SMARTER” เน้นการพัฒนาจุดเด่นและแก้ไขข้อบกพร่องของนักกีฬา พร้อมสนับสนุนให้นักกีฬาใช้ทักษะ NUMBER-CRUNCHING SKILL หรือทักษะการคำนวณและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อยกระดับการฝึกซ้อมในวงการกีฬาไทย

นักวิ่งหน้าใหม่ที่เข้าร่วมโครงการประกอบด้วย อนุชิต-อนุชา พาดา, อิน-อินทัช จงใจจิตร, ปักเป้า-วิชยา แซ่จาง, ตู้ทอง-ปีติกร มูลชอบ, นิก-คำนวน ชัยเขียว, บอส-คณิศร หนองนา และ ริว-พงศ์สุชา สาธุกุลศานต์ โดยกิจกรรมแรกของโครงการเริ่มด้วยการทดสอบสมรรถภาพที่คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

GARMIN

นางสาวหรรษา อาภานุกูล ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด การ์มิน ประเทศไทย กล่าวว่า “Garmin สนับสนุนให้นักกีฬาใช้ข้อมูลจากการฝึกซ้อมเพื่อปรับแผนการฝึกซ้อมให้เหมาะสมกับตนเองมาอย่างต่อเนื่อง (Collect data, track progress) เพราะเชื่อว่าการฝึกซ้อมแบบรู้จุดเด่น และเข้าใจข้อบกพร่องของตัวเอง หรือ TRAIN SMARTER จะนำมาสู่ความสามารถในการดึงศักยภาพที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในตัวนักกีฬาแต่ละคนออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ลดการบาดเจ็บ ได้รับการฟื้นฟูที่ดี และยังเชื่อว่าแนวคิด TRAIN SMARTER จะช่วยส่งผลให้นักกีฬาสามารถก้าวสู่วงการนักกีฬาอาชีพโดยมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์เต็มร้อย GARMIN ATHLETE PROGRAM จึงถือเป็นอีกหนึ่งโปรเจคเพื่อสร้าง NUMBER CRUNCHING ATHLETES ตัวจริงที่จะนำข้อมูลการฝึกซ้อมมาใช้ต่อยอดและพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้อย่างเป็นรูปธรรม”

โปรเจค GARMIN ATHLETE PROGRAM มีเป้าหมายในการบ่มเพาะนักกีฬาทุกประเภทของ #GarminTeamTH ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาวิ่ง นักไตรกีฬา นักกีฬาวิ่งเทรล ให้มีทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงการฝึกซ้อม (NUMBER-CRUNCHING SKILL) ผ่านเทคโนโลยีด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาและการเก็บข้อมูลจากสมาร์ทวอทช์ของ Garmin ด้วยความเชื่อที่ว่าการเข้าใจร่างกายของตนเองอย่างลึกซึ้งจะช่วยให้นักกีฬามีอายุการแข่งขันที่ยาวนานขึ้น

นอกจากการปลูกฝังแนวคิดแล้ว Garmin ยังสนับสนุนทั้งเงินอัดฉีด อุปกรณ์สมาร์ทวอทช์ และแพคเกจการตรวจสอบและฟื้นฟูร่างกายให้กับนักกีฬาอย่างครบวงจร เพื่อให้นักกีฬาสามารถสร้างผลงานที่ดีที่สุดของตนเอง

กิจกรรมแรกของโครงการคือการทดสอบสมรรถภาพ 2 รูปแบบ คือ การวัดค่า VO2Max (การวัดความสามารถของระบบหัวใจและหลอดเลือด) และ Running Analysis (การวิเคราะห์ท่าทางการวิ่ง) ณ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

อาจารย์ ดร.ทศพร ยิ้มลมัย ประธานแขนงวิชาการเสริมสร้างสมรรถนะทางการกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายว่า “การวัดค่า VO2Max สามารถทำได้หลากหลายวิธี และหนึ่งในนั้นคือการสวมใส่สมาร์ทวอทช์เพื่อติดตามอัตราการเต้นของหัวใจ การออกกำลังกาย เมื่อนักกีฬารวมถึงผู้ที่ออกกำลังกายทราบค่า VO2Max จะทำให้รู้ถึงขีดความสามารถของตนเอง และสามารถนำไปใช้เพื่อการวางแผนฝึกซ้อมได้ ทำให้สามารถฝึกซ้อมได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

ขณะที่ Running Analysis เป็นการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวระหว่างการวิ่งในรูปแบบ 3 มิติ เพื่อค้นหาขีดจำกัดและพัฒนาประสิทธิภาพในการวิ่งของนักกีฬา ซึ่ง รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยพัฒน์ หล่อศิริรัตน์ คณบดี คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเสริมว่า “การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง (monitoring) เป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนา หากนักวิ่งมีสมาร์ทวอทช์หรืออุปกรณ์วัดผลที่สามารถบันทึกข้อมูลได้ ก็สามารถนำค่าต่างๆ มาวิเคราะห์และติดตามความเปลี่ยนแปลงได้ด้วยตัวเอง”

นางสาวหรรษา อธิบายเพิ่มเติมว่า ผู้ใช้งาน Garmin สามารถดึงค่า VO2Max และ Running Dynamics (ชุดข้อมูลวิเคราะห์ท่าทางการวิ่ง) จากสมาร์ทวอทช์ได้ โดย Running Dynamics ประกอบด้วย 7 ตัวชี้วัด ได้แก่ เวลาที่เท้าสัมผัสพื้นในแต่ละก้าว (Ground Contact Time: GCT), ความสมดุลของเวลาที่เท้าสัมผัสพื้นระหว่างขาซ้ายและขาขวา (Ground Contact Time Balance: GCTB), จำนวนก้าวต่อหนึ่งนาที (Cadence), ความยาวของก้าวในแต่ละก้าว (Stride Length), การเคลื่อนที่ขึ้นลงของร่างกายขณะวิ่ง (Vertical Oscillation), อัตราส่วนระหว่างการเคลื่อนที่ขึ้นลงและความยาวของก้าว (Vertical Ratio) และพลังที่ใช้ในการวิ่ง (Running Power)

เมื่อนำข้อมูลจากทั้ง VO2Max และ Running Dynamics มาวิเคราะห์ร่วมกัน จะช่วยให้นักกีฬาเข้าใจสมรรถภาพร่างกายของตนเองได้อย่างลึกซึ้ง สามารถวางแผนฝึกซ้อมที่เหมาะสม ปรับปรุงท่าทางการวิ่ง และป้องกันการบาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยข้อดีของการติดตามผลผ่านสมาร์ทวอทช์ของ Garmin คือการได้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องในทุกครั้งที่ฝึกซ้อม

รองศาสตราจารย์ ดร.ชัยพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “Data is a king คือเรื่องจริง การเริ่มต้นใช้ดาต้าเพื่อการฝึกซ้อมตั้งแต่เนิ่นๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะการประยุกต์ใช้ข้อมูลเหล่านี้ ถือว่าเป็นศาสตร์และศิลป์ผนวกรวมกับความรู้และประสบการณ์ มองว่าการที่ Garmin เข้ามาให้ความสำคัญในเรื่องของวิทยาศาสตร์การกีฬา ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีเพื่อต่อยอดให้นักกีฬาสามารถเล่นกีฬาและใช้ร่างกายของตนเองได้อย่างยั่งยืน”

ปักเป้า-วิชยา แซ่จาง นักกีฬาวิ่งคนหนึ่งในโครงการ เล่าประสบการณ์ว่า “สำหรับนักวิ่งการมีสมาร์ทวอทช์ที่ช่วยเก็บข้อมูลที่เป็นประโยชน์ระหว่างการวิ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยทำให้เรารู้ว่าเรามีจุดเด่นและจุดด้อยตรงไหนที่จะต้องแก้ไขหรือต่อยอดให้ดีขึ้น และสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ในการวางแผนการฝึกซ้อมและปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเราได้มากที่สุด”

ด้าน อนุชา พาดา นักกีฬาวิ่งอีกคนในโครงการ เล่าว่า “การเริ่มต้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดสำหรับผมเสมอครับ ผมเคยเป็นคนนึงที่ซ้อมวิ่งแบบใช้ฟีลลิ่งล้วนๆ มันไม่สามารถรู้ได้เลยจริงๆ ว่าวันนี้ผมซ้อมหนัก หรือเบาไป ผมใช้ความรู้สึกเข้ามาตัดสิน วันนี้ ผมได้เริ่มรู้จักข้อมูลของการวิ่งมากขึ้นจากการใช้สมาร์ทวอทช์ของ Garmin มันทำให้ผมรู้ว่าผมควรแบ่งเวลาพัก เวลาซ้อมอย่างไร”

ขณะที่ อิน-อินทัช จงใจจิตร นักกีฬาวิ่งอีกรายหนึ่ง กล่าวว่า “การฝึกซ้อมอย่างมีวินัย คือเรื่องที่คนรักในกีฬาโฟกัส แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าเราฝึกหนัก ฝึกนาน ฝึกต่อเนื่อง แต่ไม่มีทิศทาง อาจทำให้เราเหนื่อยฟรีได้ การได้เก็บข้อมูลไปพร้อมๆ กับปรับแผนการซ้อม ถือเป็นหัวใจสำคัญในการซ้อมของผม เพราะผมเชื่อว่าร่างกายของเราบาดเจ็บแล้วมันจะคืนกลับเป็นเหมือนเดิมได้ยาก แต่ถ้าเราซ้อมแบบเข้าใจร่างกายของเรา พักฟื้นอย่างเพียงพอ มันก็จะยากที่จะได้รับการบาดเจ็บ”

นางสาวหรรษา กล่าวปิดท้ายว่า “โปรเจค GARMIN ATHLETE PROGRAM จะเป็นเวทีสำคัญที่ช่วยปลูกฝังและผลักดันให้การนำเอาข้อมูลจากการฝึกซ้อมมาประยุกต์ใช้เพื่อวางแผนซ้อมที่เหมาะสมกับแต่ละคนให้เกิดขึ้น ผ่านการร่วมมือของทั้งนักกีฬา โค้ช และพาร์ทเนอร์ของการ์มินที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการพานักกีฬาที่มีศักยภาพที่เต็มเปี่ยมลงแข่งในสภาพร่างกายที่เต็มร้อยและสร้างสถิติที่ดีที่สุดของตัวเองให้ได้”

สำหรับ Garmin เป็นแบรนด์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 2532 โดย แกรี่ เบอร์เรลล์ และ ดร.มิน คาโอ มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่รัฐแคนซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสำนักงานทั่วโลกกว่า 80 แห่ง พร้อมพนักงานกว่า 16,000 ราย และมีสำนักงานในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก 21 แห่ง พร้อมพนักงานกว่า 7,600 ราย โดย Garmin ดำเนินกิจการใน 5 ประเภทธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจการบิน ยานยนต์ การเดินทะเล ฟิตเนส และกิจกรรมกลางแจ้ง

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
“เซ็นทรัลพัฒนา” ผนึกพันธมิตร “ดีแทค รีวอร์ด” และ “โรบินฮู้ด ฟู้ดเดลิเวอรี” พร้อมเสิร์ฟความอร่อยถึงบ้าน
สตาร์บัคส์ เปิดตัวฟีเจอร์ Mobile Order to Table บนแอปฯ Starbucks® TH app
“LINE” ร่วมกับท็อปครีเอเตอร์ และหมอพร้อม Official Account แจกสติกเกอร์ชุดพิเศษฟรี

Leave Your Reply

*