
เอาจริง ๆ พอได้ยินชื่อ Garmin Forerunner 570 ครั้งแรก นึกว่าเป็นนาฬิกาสำหรับนักวิ่งมาราธอนระดับโปร ๆ เท่านั้น แต่พอได้ลองใช้ดูจริง ๆ แล้ว โอ้โห! นี่มันเป็นได้มากกว่าแค่เพื่อน “วิ่ง” เสียอีก มันเป็นเหมือนมีโค้ชส่วนตัว นักวิทยาศาสตร์การกีฬา และเพื่อนที่คอยเตือนดูแลสุขภาพรวมกันเป็นตัวเดียว

แกะกล่อง Garmin Forerunner 570 | สำรวจของแถมในกล่อง
วันที่กล่อง Garmin Forerunner 570 มาถึงมือ รู้สึกตื่นเต้นแบบเด็กได้ของเล่นใหม่เลย กล่องดูแข็งแรงและดูพรีเมียม ไม่ใช่แบบบริษัทอื่นที่บางครั้งดูไร้จิตวิญญาณ เปิดออกมาเจอ Forerunner 570 สีสดใสที่เลือกมาคือ Amp Yellow พร้อมสายโปร่งแสงสี Whitestone/Turquoise ซึ่งดูเด็กแต่เท่ห์ในเวลาเดียวกัน

ในกล่องมีของแถมน้อยนิดหน่อยหนึ่ง แต่ครบครัน เริ่มกันที่ตัวเครื่อง Forerunner 570 – 47mm GPS running watch, สายชาร์จ-รับส่งข้อมูล, และคู่มือการใช้งาน

Forerunner 570 | First Impression สุดจริง ดีไซน์บางเบา…สบายในการสวมใส่
ครั้งแรกที่หยิบขึ้นมา ความรู้สึกแรกคือ “เบาจังเลย” เมื่อเทียบกับนาฬิกาสมาร์ทวอทช์อื่น ๆ ที่เคยใช้ ดีไซน์ขอบอะลูมิเนียมน้ำหนักเบา ใส่สบายตลอดวัน อันนี้เบาจนลืมว่าใส่อยู่ได้บ้าง ขอบอะลูมิเนียมให้ความรู้สึกแข็งแรงแต่ไม่หนักมือ

Forerunner 570 มาพร้อมกับขนาด 42 มม. และ 47 มม. ทำให้เหมาะกับข้อมือทุกขนาด ตัวผมเลือก 47 มม. เพราะชอบหน้าจอใหญ่ ๆ แต่คนที่มีข้อมือเล็กก็ไม่ต้องกังวล 42 มม. ก็ดูดีเหมือนกัน (สายแบบซิลิโคน)

รอบๆ ตัวเรือนประกอบด้วยปุ่มกด 5 ปุ่มสำหรับการทำงาน อาจดูเยอะไปหน่อยตอนแรก แต่พอใช้สัก 2-3 วันก็ชินแล้ว กดง่าย ตอบสนองดี แม้ตอนที่มือเปียกจากเหงื่อหรือน้ำฝนก็ยังกดได้สบาย ไม่มีปัญหาแบบนาฬิกาบางรุ่นที่กดแล้วไม่ตอบสนอง
นี่สิ! สิ่งที่ทำให้ประทับใจมากที่สุด Garmin Forerunner 570 มาพร้อมกระจก Corning Gorilla Glass 3 หน้าจอ AMOLED ที่สว่างสุด ๆ ของ Garmin ตอนนี้ ตอนแรกเปิดเจอแสงจอสีสันสดใส คิดในใจเลยว่า “โอ้ยสีสวยจัง”

เทสต์ดูในแสงแดดตอนเที่ยงวัน แม้แดดแรงขนาดไหนก็มองเห็นได้ชัดเจน ไม่ต้องหาเงาหรือบังแสงเหมือนโทรศัพท์บางรุ่น ตอนกลางคืนก็ปรับความสว่างได้อัตโนมัติ ไม่แสบตาแบบจอมือถือ


ด้านหลังมีเซ็นเซอร์ Gen 5 ที่ดูทันสมัยดี การวัดอัตราการเต้นของหัวใจแม่นยำกว่าเดิมเห็นได้ชัด เพราะเทียบกับสายคาดหน้าอกแล้วผลต่างกันไม่เยอะ

สเปกแรง ลื่นไหลทุกการใช้งาน ไม่มีสะดุด
เซ็นเซอร์ Gen 5 นี่ทำงานได้ลื่นจริง ๆ เปลี่ยนหน้าจอไปมาไม่มี lag ปัดดูข้อมูลต่าง ๆ ก็รวดเร็ว ไม่มีอาการค้างหรือช้าแบบที่เคยประสบกับ smartwatch บางยี่ห้อ

GPS แบบหลายคลื่นความถี่ + SatIQ™ นี่เจ๋งมาก ไปวิ่งใน Central Park ที่มีอาคารสูงล้อมรอบ ก็ยังล็อกสัญญาณได้แม่นยำ เส้นทางการวิ่งที่บันทึกได้เรียบร้อย ไม่มีการกระโดดข้ามตึกหรือเส้นทางผิด ๆ แบบที่เคยเจอ

Mic และ Speaker ในตัวเป็นอีกจุดเด่น รับสายได้จากข้อมือ เสียงชัดเจนพอสมควร


ฟีเจอร์สุขภาพและการติดตามขั้นสูง
Running Dynamic นี่คือสิ่งที่ทำให้รู้ว่า “โอ้…นาฬิกาตัวนี้จริงจังจัง” ข้อมูลที่ได้มีความละเอียดแบบนักกีฬาโปร ตั้งแต่ Wrist-based running power ที่บอกว่าใช้พลังงานเท่าไหร่ ไปจนถึง Running Dynamics ที่วิเคราะห์ว่าวิ่งอย่างไร มีประสิทธิภาพแค่ไหน
VO2 max ที่วัดได้ก็ตรงกับที่เคยทดสอบในห้องแล็บเกือบ ๆ เลย ทำให้มั่นใจว่าข้อมูลที่ได้มีความแม่นยำสูง

Training Readiness Score เป็นฟีเจอร์ที่ชอบมาก ตื่นมาทุกเช้าจะได้คะแนนบอกว่าวันนี้ร่างกายพร้อมฝึกหนักหรือควรพักผ่อน มีครั้งหนึ่งได้คะแนนต่ำ แต่ดื้อไปวิ่งหนักอยู่ดี ผลคือเมื่อยแบบหนัก เลยรู้ว่านาฬิกาเข้าใจร่างกายเราดีกว่าเราเองซะอีก

Skin Temperature และ Breathing variations เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจ แม้จะยังไม่เข้าใจลึกซึ้งนัก แต่ดูได้ว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ฟีเจอร์และซอฟต์แวร์
Forerunner 570 ทำได้มากกว่าแค่วิ่งเยอะมาก ไปว่ายน้ำก็รู้ว่าแต่ละท่าเป็นอะไร ปั่นจักรยานก็บอกได้ว่าปั่นแรงแค่ไหน แม้แต่โยคะก็ติดตามได้



PacePro™ เป็นฟีเจอร์ที่ใช้บ่อยมาก โดยเฉพาะตอนวิ่งเส้นทางที่มีความชันต่าง ๆ มันจะแนะนำว่าช่วงไหนควรวิ่งช้า ช่วงไหนควรเร่ง ทำให้กระจายแรงได้ดี ไม่หมดแรงก่อนถึงเส้นชัย





Garmin Triathlon Coach สำหรับคนที่สนใจไตรกีฬาถือว่าเป็นของแถมที่ดีมาก แผนการฝึกปรับเปลี่ยนตามสภาพร่างกายแต่ละวัน ไม่ใช่แผนตายตัวแบบเก่า ๆ
การดาวน์โหลดเพลงจาก Spotify เพื่อฟังขณะวิ่งโดยไม่ต้องเอาโทรศัพท์ไปด้วยนี่สะดวกสุด ๆ แต่ก็ต้องมี Premium subscription นะ และสำหรับคนไทยยังมี Garmin x Rabbit ให้ใช้อีกด้วย

LiveTrack ช่วยให้คนที่เราห่วงใยสามารถดูได้ว่าเราอยู่ไหน วิ่งไปถึงไหนแล้ว รู้สึกปลอดภัยขึ้นมาก โดยเฉพาะตอนไปวิ่งเส้นทางใหม่ ๆ
นอกจากนี้ Garmin Forerunner 570 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ Garmin Pay ระบบชำระเงินแบบไร้สัมผัสด้วยนาฬิกาผ่านบัตรเครดิตจากธนาคารที่รองรับ และพิเศษสุดสำหรับผู้ใช้งานชาวไทยคือบริการ Garmin x Rabbit ผ่าน Rabbit Card ณ ผู้ให้บริการที่มีสัญลักษณ์ยินดีต้อนรับ
แบตเตอรี่และการชาร์จ
11 วันในโหมดสมาร์ทวอทช์ ฟังแล้วอาจไม่เชื่อ แต่จริง ๆ แล้วใช้งานปกติได้เกือบสัปดาห์เต็ม ๆ เลย แม้เปิด GPS ไปวิ่งวันละ 1 ชั่วโมง ก็ยังอยู่ได้ 4-5 วัน

ข้อดีของแบตเตอรี่อึดคือไม่ต้องคิดเรื่องชาร์จบ่อย ๆ แบบ Apple Watch หรือสมาร์ทวอทช์ทั่วไป ลืมชาร์จไป 2-3 วันก็ยังไม่ตาย

สายชาร์จแม่เหล็กเสียบง่าย แต่ก็มีข้อเสียคือถ้าหายแล้วต้องไปซื้อของแท้ ไม่เหมือน USB-C ที่หาได้ง่าย การชาร์จเร็วพอสมควร จาก 0 ถึง 100% ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง
สรุปความรู้สึกส่วนตัว
หลังจากใช้ไปเกือบ 2 เดือน รู้สึกได้เลยว่านี่ไม่ใช่แค่นาฬิกาธรรมดา มันเหมือนมีผู้ช่วยส่วนตัวที่เข้าใจร่างกายและการออกกำลังกายของเราดีมาก ข้อมูลที่ได้มีประโยชน์จริง ไม่ใช่แค่ตัวเลขสวย ๆ เพื่อโชว์

จอ AMOLED สว่างชัดทำให้ใช้งานสะดวกในทุกสถานการณ์ ดีไซน์ดูดีแต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ ใส่ไปทำงานก็ได้ ไปวิ่งก็ได้ ไปงานเลี้ยงก็ไม่แปลก
ฟีเจอร์ครบครัน แต่บางทีก็มากเกินไปจนงง การตั้งค่าบางอย่างซับซ้อนกว่าที่คิด แต่พอชินแล้วก็ใช้ได้สบาย
ราคาและการวางจำหน่าย
FORERUNNER 570 เปิดขายแล้ววันนี้ มีให้เลือก 2 ขนาด คือ ขนาด 42 มม. และ ขนาด 47 มม. มาพร้อมขอบตัวเรือนอะลูมิเนียมและสายซิลิโคนหลากหลายสีสัน วางจำหน่ายในราคา 17,990 บาท ที่ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Garmin ทุกสาขา

เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ถือว่าคุ้มค่าดี โดยเฉพาะถ้าเป็นคนที่จริงจังกับการออกกำลังกายและการดูแลสุขภาพ แต่ถ้าแค่ใช้ดูเวลาแล้วก็นับก้าวเป็นหลัก อาจจะแพงไปหน่อย
สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทวอทช์ที่ทำได้มากกว่าแค่ “วิ่ง” แต่ต้องการผู้ช่วยสุขภาพที่ฉลาดและข้อมูลการฝึกซ้อมที่แม่นยำ Forerunner 570 ควรอยู่ในลิสต์พิจารณาแน่นอน แค่เตรียมใจไว้ว่าจะต้องใช้เวลาเรียนรู้ฟีเจอร์ต่าง ๆ สักหน่อยเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด