
หลายคนคงเคยประสบปัญหาเดียวกันที่สมาร์ตโฟนยุคนี้ใหญ่เกินไป จับถือไม่สะดวก แต่ vivo X200 FE มาตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัวด้วยขนาดกะทัดรัดแต่ฟีเจอร์ครบครัน พร้อมกล้อง ZEISS Professional Imaging ที่ให้คุณภาพระดับเรือธง มาดูกันว่าน้องใหม่ตัวนี้น่าสนใจแค่ไหน

อยากรู้ว่า vivo X200 FE จะตอบโจทย์การถ่ายภาพของคุณได้ขนาดไหน? อ่านรีวิวต่อกันยาว ๆ ได้เลย
แกะกล่องมาแล้ว ดูของแถมและความประทับใจครั้งแรก

การเจอกับของใหม่ครั้งแรกมันเหมือนแกะของขวัญ… และ vivo X200 FE ก็ทำให้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ เปิดกล่องขึ้นมาต้องยอมรับว่าประทับใจตั้งแต่แรกเห็น บรรจุภัณฑ์สีดำสะอาดตาที่ดูมีคลาสและพรีเมียม
ภายในกล่องเรียงระเบียบด้วยอุปกรณ์ครบครัน ได้แก่ ภายในกล่องประกอบไปด้วยตัวเครื่อง, คู่มือการใช้งาน, สายชาร์จ, หัวชาร์จ, เข็มจิ้มซิม, เคส, ฟิล์มกันรอย (ติดมากับตัวเครื่อง) และใบรับประกัน

สิ่งที่ชอบใจคือความใส่ใจในรายละเอียดการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่เรียบง่ายแต่ดูมีราคา สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ vivo ที่เน้นความหรูหราแบบมินิมอล ก่อนเริ่มใช้งานแนะนำให้ตรวจสอบระบบปฏิบัติการ Funtouch OS ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดก่อนนะครับ

vivo X200 FE มาพร้อม 4 สีสันใหม่ที่แต่ละสีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สี Blue Breeze (บลู บรีซ) ให้ความรู้สึกเซ็นต์ประจำวัน สี Yellow Glow (เยลโลว์ โกลว์) เติมเต็มความสดใส สี Pink Vibe (พิงค์ ไวบ์) สะท้อนความอบอุ่น และสี Black Luxe (แบล็ก ลักซ์) เสริมความมั่นใจและความหรูหรา

ตัวเล็ก หน้าตาดี จับแล้วถนัด พร้อมลุยทุกวัน
ถือขึ้นมาครั้งแรก… และเราก็รู้ทันทีว่าทำไม vivo ถึงมั่นใจในคำว่า “จับกระชับ ชัดทุกช็อต” ขนาดนี้ หลับตาแล้วเปิดได้เลยว่าการออกแบบของ vivo X200 FE คือจุดขายหลัก หน้าจอขนาด 6.31 นิ้วทำให้จับได้ด้วยมือเดียวอย่างแสนสบาย ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบายในชีวิตประจำวัน

ตัวเครื่องมีขนาดกะทัดรัดที่ 150.83 × 71.76 × 7.99 มม. และน้ำหนักเพียง 186 กรัม น้ำหนักสมดุลไม่หนักจนเกินไป ใช้งานนานไม่ทำให้เมื่อยมือ แม้แต่การใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าใบเล็กก็สะดวก เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนจอใหญ่ที่มีน้ำหนักเยอะ ความแตกต่างรู้สึกได้ชัดเจน
เหนือหน้าจอแสดงผลเป็นตำแหน่งของกล้องหน้าเป็นกล้อง 50MP รูรับแสง f/2.0 ที่ให้คุณภาพการเซลฟี่ระดับเรือธง


ที่น่าประทับใจคือแม้เครื่องจะเล็กกว่ารุ่นทั่วไป แต่ประสิทธิภาพการใช้งานยังคงอัดแน่นตามมาตรฐาน X Series เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแบตเตอรี่ที่ทนทาน หรือกล้องที่ยังคงคุณภาพสูง
ระบบ Smart Eye Protection Mode 2.0 ช่วยวิเคราะห์และปรับความสว่างของหน้าจอให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแบบเรียลไทม์ ทำให้การใช้งานสบายตาตลอดวัน

vivo X200 FE มาพร้อมกับน้ำหนักเบาพอดี ไม่ทำให้มือเมื่อยแม้ใช้งานนาน ๆ ทดสอบการใช้งานด้วยมือเดียวแล้วสะดวกมาก แม้กระทั่งการพกพาก็ง่าย ใส่ในกระเป๋าใบเล็กหรือใส่ในกระเป๋าเสื้อผ้าก็ได้ แสดงให้เห็นถึงความสะดวกในชีวิตประจำวัน

เมื่อเปรียบเทียบกับสมาร์ตโฟนจอใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก vivo X200 FE โดดเด่นในเรื่องความสบายในการจับถือ แม้เครื่องจะเล็กกว่ารุ่นทั่วไปแต่ประสิทธิภาพการใช้งานยังอัดแน่นตามมาตรฐาน X Series เช่น เครื่องเล็กแต่แบตเตอรี่ทนทาน หรือ เครื่องเล็กแต่กล้องยังคุณภาพสูง
ด้านบนของตัวเครื่องมีไมโครโฟนสองตัว

ด้านล่างของตัวเครื่องไล่ตั้งแต่ทางซ้ายสุดเป็นช่องใส่ถาดซิมกาดแบบ Nano SIM รองรับ 2 ช่อง ตรงกลางเป็นพอร์ต USB Type-C และขวาสุดเป็นลำโพงเสียง

มาต่อกันที่ตัวเครื่องด้านขวา ในส่วนของด้านขวาตัวเครื่องเป็นปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียง ถัดลงมาเป็นปุ่ม Power สำหรับล็อคหน้าจอและเปิด-ปิด, รีสตาร์ทเครื่อง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มใช้งานใดๆ

พลิกมาที่ด้านหลังกันบ้าง ฝาหลังตัวเครื่อง vivo X200 FE ใช้วัสดุ Metallic Sand AG ให้สัมผัสพรีเมียม ส่วนขอบตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ มั่นใจได้เรื่องความทนทาน

ในส่วนของด้านหลังของตัวเครื่องจะพบกับ โมดูลกล้องดีไซน์วงรีขอบโค้งมนที่สมมาตรกับดีไซน์ของตัวเครื่อง มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัวและเซนเซอร์ IR อยู่ในโมดูลกล้อง ซึ่งใช้เป็นรีโมตเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าได้
กล้องหลังประกอบด้วยกล้องหลัก 50MP รูรับแสง f/1.88, กล้อง Ultra Wide-Angle 8MP รูรับแสง f/2.2, และกล้อง ZEISS Super Periscope Telephoto 50MP รูรับแสง f/2.65 พร้อมแฟลชกล้องหลังแบบไฟออร่า


กล้อง ZEISS ที่ทำให้ลืมว่าตัวเครื่องเล็ก
เอาล่ะ… มาถึงจุดที่ทุกคนรอคอยแล้ว พูดถึงกล้องของ vivo X200 FE นี่ต้องบอกว่าคือ “อีกแล้วที่ vivo ทำให้เราอึ้ง” นี่แหละจุดแข็งที่ทำให้ลืมไปเลยว่าตัวเครื่องเล็ก vivo X200 FE มาพร้อมระบบกล้อง ZEISS Professional Imaging ที่ครบครันและคุณภาพระดับเรือธง บอกเลยด้านกล้องก็จัดเต็มไม่แพ้ใครจริงๆ
กล้องหลังประกอบด้วย 3 เลนส์ ได้แก่ กล้องหลัก 50MP รูรับแสง f/1.88, กล้อง Ultra Wide-Angle 8MP รูรับแสง f/2.2, และกล้อง ZEISS Super Periscope Telephoto 50MP รูรับแสง f/2.65 พร้อมแฟลชกล้องหลังแบบไฟออร่า

กล้องหลักใช้เซนเซอร์ Sony IMX921 VCS Bionic ขนาด 50MP ระบบกันสั่น OIS, กล้อง ZEISS Super Periscope Telephoto 50MP ใช้เซนเซอร์ Sony IMX882 ขนาด ½ นิ้วเดียวกับเรือธง X200 รองรับ Stage Mode ซูม 10X และกล้อง Ultra Wide-Angle 8MP
ทั้งนี้เทคโนโลยีกล้อง ZEISS Super Periscope Telephoto ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของ vivo X200 FE โดยใช้โครงสร้างพิเศษที่ให้แสงวิ่งผ่านเลนส์ในรูปแบบ M-shaped แทนที่จะเป็น L-shaped แบบเดิม ช่วยลดขนาดโครงสร้างกล้องลงได้อย่างมาก ทำให้ตัวเครื่องบางและเล็กกว่า แม้ว่าโมดูลกล้องซูมตัวนี้จะดูเป็นทรงกลมแตกต่างจากรุ่น X200 หรือ X200 Pro ที่เป็นทรงสี่เหลี่ยม แต่ภายในใช้เทคโนโลยี Periscope Telephoto เช่นเดียวกันดังนั้นมั่นใจได้ในความว่าภาพแต่ละภาพที่ได้จะสวยงามไม่แพ้รุ่นพี่ๆ ของบ้านนี้
ZEISS Multifocal Portrait ถ่ายพอร์ตเทรตระดับมืออาชีพ
ฟีเจอร์ ZEISS Multifocal Portrait เป็นจุดเด่นสำคัญที่ให้ความหลากหลายในการถ่ายภาพบุคคลมากกว่าที่เคย ครอบคลุมทุกระยะโฟกัส 5 ระยะคือ



- 1x (23mm) – Landscape Portrait: เหมาะสำหรับบันทึกภาพการท่องเที่ยวที่ต้องการเก็บวิวทิวทัศน์
- 1.5x (35mm) – Narrative Portrait: เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลและภาพเชิงธรรมชาติ
- 2.2x (50mm) – Classic Portrait: เหมาะสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบครึ่งตัวที่ต้องการเก็บบรรยากาศโดยรอบZEISS Multifocal Portrait


- 3.7x (85mm) – Portrait: เหมาะสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตตั้งแต่ช่วงอกขึ้นไป
- 4.3x (100mm) – Close-Up Portrait: เหมาะสำหรับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตแบบโคลสอัพ
นอกจากนั้นยังมี Stage Mode ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับการถ่ายภาพและวิดีโอในคอนเสิร์ตขนาดเล็กและการแสดงสด


ส่วนกล้องหน้าเป็นกล้อง 50MP รูรับแสง f/2.0 ที่ให้คุณภาพการเซลฟี่ระดับเรือธง จัดว่าเด็ด ถ่ายเซลฟี่ออกมาสวยใส ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับสายโซเชียลที่ชอบถ่ายรูปบ่อยๆ


แสงสวย ภาพปัง ด้วย AI Aura Light
AI Aura Light Portrait คือนวัตกรรมที่จะยกระดับภาพพอร์ตเทรตของคุณสู่ระดับสตูดิโอ ด้วย AI 3D Studio Lighting ที่สามารถจำลองอุปกรณ์ไฟสตูดิโอระดับมืออาชีพและปรับแต่งสไตล์การจัดแสงแบบภาพยนตร์ได้อย่างชาญฉลาด ระบบจะปรับโทนแสงอุ่น-เย็น และความสว่างตามระยะอัตโนมัติ ทำให้ภาพถ่ายของคุณดูเป็นมืออาชีพในทุกสภาพแสง







มาต่อกันที่ Vintage Film Imaging Styles สร้างสรรค์จาก 3 โทนฟิล์มในตำนาน Comfort/CC ให้สีสันสมจริงเหมาะสำหรับท่องเที่ยว, Healing/VB ให้โทนสีเทาและบรรยากาศแบบภาพยนตร์, และ Warm/NC ให้โทนแดงอบอุ่นเหมาะสำหรับบรรยากาศวินเทจ




และที่พิเศษกว่าใครคือ เอฟเฟกต์โบเก้สไตล์ ZEISS แท้ๆ ที่ให้เลือกถึง 7 แบบ ซึ่งถอดแบบมาจากเลนส์คลาสสิกของ ZEISS ตำนาน ได้แก่
- ZEISS Biotar Style โบเก้แบบหมุนขนาดใหญ่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว สร้างความโรแมนติกและมีมิติ เหมาะสำหรับการถ่ายพอร์ตเทรตที่ต้องการความแตกต่าง
- ZEISS B-speed Style โบเก้ที่มีความนุ่มนวลและเป็นธรรมชาติ ให้ความรู้สึกที่สง่างามและเรียบหรู เหมาะสำหรับการถ่ายภาพที่ต้องการความคลาสสิก
- ZEISS Sonnar Style เอฟเฟกต์โบเก้แบบซอฟต์ที่มีการไล่โทนอย่างละเอียด ให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนและมีความลึก

- ZEISS Planar Style โบเก้แบบคลาสสิกที่มาพร้อมแฟลร์ทรงคล้ายใบไม้ สร้างความงดงามและเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการถ่ายภาพกลางแจ้ง
- ZEISS Distagon Style โบเก้ที่มีความคมชัดและมีลักษณะเฉพาะ ให้ความรู้สึกที่ทันสมัยและมีพลัง
- ZEISS Cine-flare Style เอฟเฟกต์แฟลร์สไตล์ซีเนมาที่สร้างบรรยากาศแบบภาพยนตร์ ให้ความรู้สึกที่ดราม่าและมีเสน่ห์
- ZEISS Cinematic Style แฟลร์รูปวงรีสไตล์ภาพยนตร์ที่สร้างความรู้สึกราวกับกำลังดูหนังคุณภาพสูง เพิ่มมิติความเป็นมืออาชีพให้กับภาพถ่าย


AI ที่ทำให้ชีวิตง่ายขึ้น…ฟีเจอร์อัจฉริยะที่ใช้แล้วติดใจ
ในยุค AI กำลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งอย่างในปัจจุบัน vivo ก็ไม่ได้มองข้าม เพราะใน X200 FE มีผู้ช่วย AI ที่ฉลาดมากมายซุกซ่อนอยู่ AI Image Studio เป็นชุดเครื่องมือแก้ไขภาพที่ทรงพลัง
เริ่มกันที่ตัวแรก AI Magic Move สำหรับขยับวัตถุในภาพ แค่ปลายนิ้ว ด้วย AI Magic Move ให้คุณลากอิสระ จัดองค์ประกอบภาพได้ดั่งใจ ไม่ต้องกลัวพลาดโมเมนต์สำคัญอีกต่อไป


AI Image Expander ช่วยขยายภาพถ่ายอัจฉริยะ



AI Erase สำหรับลบบุคคลอื่น ๆ ในภาพ นวัตกรรมที่ช่วยให้การลบสิ่งรบกวนในภาพเป็นเรื่องง่าย AI จะตรวจจับและระบุตัวบุคคลหรือวัตถุที่ไม่ต้องการในภาพโดยอัตโนมัติ คุณสามารถเลือกลบเฉพาะบางส่วนได้ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว


ที่สำคัญ การลบภาพรบกวนทำได้อย่างแนบเนียน เหมือนสิ่งนั้นไม่เคยอยู่ในภาพมาก่อน


และ AI Reflection Erase ตัวช่วยลดแสงสะท้อนจากการถ่ายภาพผ่านกระจก เมื่อเงาสะท้อนไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะ AI Reflection Erase ลบเงาสะท้อน ได้ภาพคมชัดกว่าที่เคย


เปิดท้ายตัวอย่างภาพจากกล้อง ในสภาวะแสงต่าง ๆ ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง






























Anti-Harassment Call Detection เป็นระบบระบุและบล็อกสายก่อกวนอย่างแม่นยำด้วย AI โดยใช้ฐานข้อมูล AI ทั่วโลกและระบบรายงานจากผู้ใช้ เพื่อป้องกันการหลอกลวงที่อาจเกิดขึ้น

เสาสัญญาณรอบทิศ 360° รับสัญญาณเสถียรทุกมุม NFC อัจฉริยะแตะครั้งเดียวเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ทันที และระบบเสียงที่เก็บรายละเอียดเสียงครบไม่มีตก

สเปกแรง ลื่นไหลทุกการใช้งาน ไม่มีสะดุด
vivo X200 FE มาพร้อมการพัฒนาที่ก้าวกระโดดทั้งด้านซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ด้วยระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 15 บนพื้นฐาน Android 15 ที่มอบประสบการณ์การใช้งานที่เหนือระดับ พร้อมความสามารถด้าน AI ที่ล้ำสมัยและการทำงานหลายแอปพลิเคชันที่ราบรื่นยิ่งขึ้น



ด้านประสิทธิภาพ vivo X200 FE ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตเรือธง Dimensity 9300+ ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลที่มีประสิทธิภาพสูงจากค่าย MediaTek ที่พร้อมมอบประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหลและการตอบสนองรวดเร็วในทุกสถานการณ์แบบไม่มีสะดุด
อีกทั้งระบบจัดการความร้อนที่มีประสิทธิภาพด้วยพื้นที่ระบายความร้อนครอบคลุมทั้งตัวเครื่องกว่า 28,940 ตร.มม. มาพร้อมแผ่น VC ขนาดใหญ่ 3,800 ตร.มม. กระจายความร้อนได้รวดเร็วและทั่วถึง เย็นกว่าเดิมถึง 44% ด้วยวัสดุอัปเกรดใหม่กราไฟต์นำความร้อนประสิทธิภาพสูง
หน้าจอแบบนี้ใครจะคิด เล็กแต่มันส์ทุกเวลา
ถ้าพูดถึงเรื่องความบันเทิงบนสมาร์ตโฟน vivo X200 FE ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจมากๆ หลังจากได้ลองใช้งานมาสักพัก สิ่งแรกที่ทำให้ประทับใจคือหน้าจอ ZEISS Master Color ที่ให้สีสันสดสวยสมจริงด้วยความสามารถในการแสดงสีได้มากถึง 1.07 พันล้านสี แถมยังสว่างสุดๆ ด้วยความสว่างสูงสุด 5000nits ทำให้มองเห็นได้ชัดแม้อยู่กลางแจ้ง

การดูหนังหรือคอนเทนต์ต่างๆ บน vivo X200 FE สนุกมากขึ้นด้วยหน้าจอที่มีความละเอียด 1.5K และขอบบางเพียง 1.32 มิลลิเมตร ทำให้ภาพเคลื่อนไหวคมชัดและดูมีมิติ เสียงก็ไม่น้อยหน้าด้วยระบบเสียงที่เก็บรายละเอียดเสียงครบไม่มีตก ทำให้การดูหนังหรือฟังเพลงสนุกยิ่งขึ้น

สำหรับสายเกมเมอร์ก็ไม่ผิดหวังเพราะอย่างที่บอกไว้แล้วว่า vivo X200 FE มาพร้อมชิป Dimensity 9300+ ที่ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหล และมีระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพด้วยพื้นที่ระบายความร้อนกว่า 28,940 ตร.มม. ช่วยให้เล่นเกมได้นานๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเครื่องร้อน

เรื่องการเชื่อมต่อก็ทำได้ดีมาก ด้วยเสาสัญญาณรอบทิศ 360° ทำให้รับสัญญาณได้เสถียร ไม่ว่าจะสตรีมหนัง เล่นเกมออนไลน์ หรือดาวน์โหลดอะไรก็ทำได้รวดเร็วไม่มีสะดุด
พูดได้เลยว่า vivo X200 FE เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์คนรักความบันเทิงได้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ก็ทำได้อย่างเต็มที่ด้วยหน้าจอสวย เสียงดี การเชื่อมต่อเสถียร ทำให้สนุกได้ยาวๆ ไม่มีสะดุด
แบตอึด ชาร์จไว ใช้งานได้นานแบบจัดเต็ม
พูดถึงเรื่องความทนทาน หลายคนคงสงสัยว่าเครื่องตัวเล็กแบบนี้แบตจะอยู่ได้กี่ชั่วโมง? คำตอบคือ อึ้งเลย..แบตเตอรี่ BlueVolt ความจุ 6500mAh ในตัวเครื่องขนาดเล็กแต่ความจุสูง ใช้งานได้ไม่สะดุดตลอดวัน มาพร้อมระบบชาร์จไว 90W FlashCharge ที่ชาร์จได้เร็วและปลอดภัย
ความจุแบตเตอรี่ขนาดนี้ในตัวเครื่องกะทัดรัด ถือว่าเป็นการบริหารพื้นที่ภายในได้อย่างชาญฉลาด ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตหมดกลางวัน

มาตรฐานทนน้ำทนฝุ่น IP68 & IP69 ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจในทุกสภาพแวดล้อม กระจกหน้าจอ Shield Glass พร้อมการรับรองจาก SGS ในด้านการทนฝุ่น ทนน้ำ และกันกระแทก

ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้งานได้อย่างสบายใจในทุกสภาพแวดล้อม

สรุปความรู้สึกส่วนตัวหลังใช้จริง
หลังจากใช้มาระยะหนึ่ง ต้องยอมรับว่า vivo X200 FE ทำให้เปลี่ยนใจเรื่องสมาร์ตโฟนขนาดเล็กจริงๆ vivo X200 FE เป็นสมาร์ตโฟนที่ตอบโจทย์คนที่ต้องการขนาดกะทัดรัดแต่ไม่อยากแลกกับประสิทธิภาพ กล้อง ZEISS Professional Imaging ให้คุณภาพภาพถ่ายที่ประทับใจ โดยเฉพาะฟีเจอร์ Portrait ที่หลากหลายและ Stage Mode ที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพในสถานการณ์พิเศษ

ชิปประมวลผล Dimensity 9300+ ทำงานลื่นไหล แบตเตอรี่ 6500mAh ทนทานจริง และระบบชาร์จไว 90W ช่วยให้ไม่ต้องกังวล ขณะที่ฟีเจอร์ AI ต่างๆ ช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งานประจำวัน
หากกำลังมองหาสมาร์ตโฟนขนาดพกพาสะดวกที่มาพร้อมกล้องคุณภาพสูงและฟีเจอร์ครบครัน vivo X200 FE น่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก
ราคาและโปรโมชั่นที่รอคุณอยู่
vivo X200 FE วางจำหน่ายแล้วในราคา 24,999 บาท สำหรับความจุ 12GB + 512GB ที่ vivo Brand Shop ทุกสาขา ช่องทางออนไลน์ และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สำหรับผู้ที่สั่งซื้อระหว่างวันที่ 4 กรกฎาคม – 31 สิงหาคม 2568 จะได้รับของสมนาคุณมูลค่ารวมสูงสุดกว่า 13,098 บาท ประกอบด้วย Premium Gift Box มูลค่า 2,099 บาท และ vivo Care ประกันตัวเครื่อง 2 ปี พร้อมประกันหน้าจอแตก 2 ปีแรก จำนวน 1 ครั้ง มูลค่า 10,999 บาท รวมถึงโปรโมชัน “เก่าแลกใหม่” รับส่วนลดเพิ่มสูงสุด 5,000 บาท