iPhone 15 Pro และ 15 Pro Max จะมาพร้อมชิปประหยัดพลังงาน เพื่อช่วยให้ปุ่ม Solid-state สามารถทำงานได้แม้ในตอนปิด-เครื่อง หรือแบตตอรี่หมด
MacRumors รายงานข้อมูลใหม่เกี่ยวกับสมาร์ตโฟนของแอปเปิลอย่าง iPhone 15 Pro และ iPhone Pro Max ว่ามันจะใช้ไมโครโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้คุณสมบัติบางอย่างทำงานได้ และมันคงหนีไม่พ้นปุ่มโซลิดสเตต (Solid-state)ใหม่ ที่ลือกันว่าจะมาพร้อมกับรุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิด ดังนั้นแม้ว่าขณะที่ปิดเครื่องหรือแบตเตอรี่หมดเจ้าปุ่ม solid-state ก็ยังคงใช้งานได้
จากข้อมูลล่าสุดจากแหล่งข่าววงในนั้นมีความเป็นไปได้ว่า Apple จะใช้ชิป microprocessor ใหม่ประหยัดพลังงาน เพื่อมาแทนโหมด super-low แบบเดิมที่ใช้ในการที่ช่วยให้ค้นหา iPhone ผ่าน Find My หลังจากปิดเครื่องหรือนานถึง 24 ชั่วโมงหากแบตเตอรี่หมด และเปิดใช้งาน Apple Pay Express Mode ใช้งานได้สูงสุด 5 ชั่วโมงหลังจากแบตเตอรี่หมด
แหล่งข่าวอ้างว่าตอนนี้คนข้างใน Apple เองได้เห็นปุ่มปรับระดับเสียงแบบแบบใหม่ที่มีข่าวลือว่าทำงานได้ 2 เวอร์ชันในการทดสอบแล้ว ซึ่งรวมถึงเวอร์ชันที่เพิ่ม-ลดระดับเสียงเร็วขึ้นตามปริมาณแรงที่ใช้เมื่อกด และอีกเวอร์ชันที่ระดับเสียง สามารถปรับได้โดยการปัดขึ้นและลงบนปุ่มด้วยนิ้ว
หากอ้างอิงตามข่าวลือก่อนหน้านี้ ปุ่ม Solid-state จะมีเฉพาะในรุ่น iPhone 15 Pro เท่านั้น โดยรุ่นมาตรฐานของ iPhone 15 ยังคงใช้ปุ่มแบบดั้งเดิมเช่นเดียวกับ iPhone 14 ปุ่ม Solid-state
รวมไปถึงข่าวลือที่ว่า iPhone 15 Pro ยังมีข่าวลือว่าจะมาพร้อมปุ่ม Multi-Use Action แทนปุ่มปิดเสียง โดยมีปุ่มปรับระดับเสียงแบบรวมหรือ “ปุ่มโยก” แทนที่ปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงแยกต่างหากแบบในรุ่นปัจจุบัน
โดย iPhone 15 Pro รุ่นธรรมดานั้นจะใช้ปุ่มกดแบบเก่าเหมือนเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเห็นถึงความแตกต่างที่ชัดเจนรวมไปถึงการปรับเปลี่ยนราคาที่คาดว่าจะแตกต่างกันพอสมควร
ยังเหลือเวลาอีกหลายเดือนกว่าที่ iPhone 15 Series จะเปิดตัวออกมา แน่นอนเราคาดหวังว่าด้วยความที่เป็นแอปเปิลต้องมีอะไรที่ตื่นเต้นมากกว่าข้อมูลที่หลุดออกมาในตอนนี้แน่นอนครับ
Apple จะเปิดตัว iPhone 15 series ในเดือนกันยายนเหมือนเช่นทุกปี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เราเห็นออกมาในตอนนี้ยังคงเน้นหนักไปที่รุ่น iPhone 15 Pro เท่านั้น โดยรุ่นมาตรฐานของ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus ยังไม่มีอะไรใหม่ๆ ออกมาให้เราเห็น
ที่มา – www.macrumors.com, 9to5mac.com
