
realme ประกาศเปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุด realme 15 Series 5G ที่มาพร้อมเทคโนโลยี AI Edit Genie ครั้งแรกของโลกและกล้อง 50 ล้านพิกเซล ในราคาเริ่มต้น 12,999 บาท
แบรนด์สมาร์ตโฟนสำหรับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก realme เปิดตัว realme 15 Series 5G อย่างเป็นทางการในกรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 โดยนำเสนอทั้งรุ่น realme 15 Pro 5G และ realme 15 5G ที่มาพร้อมระบบกล้องถ่ายภาพขั้นสูง 50 ล้านพิกเซล เทคโนโลยี AI อัจฉริยะ และประสิทธิภาพซีพียู (Central Processing Unit หรือหน่วยประมวลผลกลาง) ที่ทรงพลัง ภายใต้สโลแกน “ใช้ชีวิตให้เรียลทุกช็อต”

ระบบกล้อง 50 ล้านพิกเซล 3 ตัว มอบประสบการณ์ถ่ายภาพระดับมืออาชีพ
realme 15 Pro 5G โดดเด่นด้วยดีไซน์ “AI Party Killer” พร้อมระบบกล้อง 50MP Ultra-Clear ที่ประกอบด้วยกล้องหลัก Sony IMX896 OIS ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ 1/1.56 นิ้ว ระยะโฟกัสเทียบเท่า 24 มม. สามารถถ่ายภาพบุคคลและทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้อย่างคมชัดและมีสีสันสมจริง
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกล้องมุมกว้างอัลตร้าไวด์ 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.8 นิ้ว ระยะโฟกัสเทียบเท่า 16 มม. และกล้องหน้า 50 ล้านพิกเซล เซ็นเซอร์ขนาด 1/2.8 นิ้ว เหมาะสำหรับการถ่ายภาพกลุ่มและเซลฟี่คุณภาพสูง ระบบกล้องยังรองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 60FPS ซึ่งถือว่าสูงสุดในเซกเมนต์ราคาเดียวกัน

สำหรับ realme 15 5G มาพร้อมกล้อง 50 ล้านพิกเซล 2 ตัว ได้แก่ กล้องหลัง Sony IMX882 OIS ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า OV50D ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล ให้ภาพเซลฟี่ที่คมชัดและสดใส ทั้งกล้องหน้าและหลังรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K ระดับมืออาชีพ ทำให้ผู้ใช้สามารถบันทึกทุกสถานการณ์ได้โดยไม่พลาดแม้เพียงเสี้ยววินาที
AI Edit Genie เทคโนโลยีแก้ไขภาพด้วยเสียงครั้งแรกของโลก
realme 15 Series 5G เปิดตัวเทคโนโลยี AI Edit Genie เครื่องมือแก้ไขภาพด้วย AI ที่ใช้คำสั่งเสียงในการปรับแต่งภาพแบบแฮนด์ฟรี เพียงสั่งงาน AI Edit Genie ก็สามารถปรับแต่งภาพได้อย่างมหัศจรรย์ ทั้งการเพิ่มวัตถุ เปลี่ยนพื้นหลัง ปรับฤดูกาล เพิ่มความสวยงาม และลบองค์ประกอบต่างๆ ได้ทันที ทำให้ใครก็ตามสามารถเป็นมาสเตอร์ด้าน Photoshop ได้อย่างง่ายดาย
อีกหนึ่งฟีเจอร์ใหม่คือ AI Inspiration ที่เพียงแตะครั้งเดียวก็สามารถตกแต่งภาพได้อย่างง่ายดาย โดย AI จะวิเคราะห์และมอบการปรับแต่งระดับมืออาชีพอย่างสร้างสรรค์โดยอัตโนมัติ ฟีเจอร์นี้จะช่วยปรับความสว่าง ลดเกรน ปรับโทนสีผิวให้สวยงาม และขจัดแสงสะท้อนแบบอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องมีทักษะในการปรับแต่งภาพใดๆ
เมื่อทำงานร่วมกับฟีเจอร์อัจฉริยะอื่นๆ เช่น AI MagicGlow 2.0, AI Landscape, AI Glare Remover และ AI Snap Mode ผู้ใช้จะได้รับภาพถ่ายคุณภาพระดับมืออาชีพที่สดใสได้ในทุกสถานการณ์
AI Party Mode ถือเป็นนวัตกรรมแรกของวงการที่ช่วยให้ realme 15 Series 5G ถ่ายภาพบุคคลได้อย่างชัดเจนและสว่างในสภาพแสงน้อย โหมดนี้ยังอัดแน่นไปด้วยลายน้ำสร้างสรรค์และกรอบรูปหลากสีสันหลายสไตล์ นอกจากนี้ AI MagicGlow 2.0 ยังช่วยให้ภาพถ่ายบุคคลดูสมจริงด้วยโทนสีผิวที่เป็นธรรมชาติ รายละเอียดที่ชัดเจน และมิติแสงเงาที่สมจริง ในขณะที่ฟิลเตอร์เอ็ฟเฟ็กต์คู่ยังช่วยเพิ่มประกายพิเศษให้กับทุกช็อต
ชิปเซ็ต AI ชั้นนำเพื่อประสบการณ์เกมที่เหนือชั้น
realme ประกาศความร่วมมือในฐานะ “OFFICIAL PARTNER” ของรายการแข่งขันอีสปอร์ตระดับประเทศ “RPL 2025 Winter” เพื่อยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมของเกมเมอร์ไทย โดย realme 15 Pro 5G มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 7 Gen 4 ที่ทรงพลังที่สุดในช่วงราคาเดียวกัน
ชิปเซ็ตนี้พัฒนาด้วยโครงสร้าง 4 นาโนเมตรแบบประหยัดพลังงาน มอบประสิทธิภาพซีพียูเพิ่มขึ้น 15% และคะแนน Antutu สูงถึง 110,000+ จึงมอบนิยามการเล่นเกมยุคใหม่ที่สนุกเร้าใจกว่าด้วยเฟรมเรต (Frame Rate หรืออัตราเฟรมต่อวินาที) สูงถึง 120FPS สำหรับเกม Free Fire, Honor of Kings, Arena of Valor และเฟรมเรต 90FPS สำหรับเกม PUBG: BATTLEGROUNDS
realme 15 5G ติดตั้งชิปเซ็ต Dimensity 7300+ 5G ที่ทรงพลังที่สุดในช่วงราคาเดียวกัน ผลิตบนสถาปัตยกรรมระดับ 4 นาโนเมตรรุ่นท็อป ทำคะแนน Antutu ได้ถึง 740,000 และมอบนิยามใหม่ของการเล่นเกมกระแสหลักด้วยเฟรมเรตสูงที่ 120FPS สำหรับเกม HOK และ 90FPS สำหรับเกม Free Fire และ Call of Duty Mobile โดยการ์ดจอรุ่นนี้ยังมีประสิทธิภาพเหนือกว่าคู่แข่งอย่างมากในด้านเฟรมเรตการเล่นเกม พร้อมความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาสก์ในระดับผู้นำ
แบตเตอรี่ Titan 7000mAh พร้อมระบบชาร์จเร็ว 80W
realme 15 Series 5G ทั้งสองรุ่นมาพร้อมแบตเตอรี่ Titan ความจุ 7,000mAh ให้ผู้ใช้งานใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวันแม้แบตเตอรี่จะเหลือเพียง 50% พร้อมระบบชาร์จเร็ว 80W ช่วยลดเวลาการชาร์จไฟ ให้ผู้ใช้กลับมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังติดตั้งระบบระบายความร้อน VC Cooling System ขนาดใหญ่ถึง 7,000 ตร.มม. และถือเป็น VC Cooling System ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มราคาเดียวกัน ช่วยระบายความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในขณะใช้งานหนักและการเล่นเกมที่ยาวนานต่อเนื่อง
realme 15 Pro และ realme 15 ยังมาพร้อมเทคโนโลยี AI Gaming Optimization จากรุ่นเรือธง นั่นคือ “GT Boost” เพื่อมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เหนือชั้น ให้เกมเมอร์ดื่มด่ำไปกับการเล่นเกมอย่างเต็มอรรถรสด้วย AI Motion Control ที่ช่วยให้ควบคุมท่าทางอย่างเป็นธรรมชาติและตอบสนองอย่างฉับไว ในขณะเดียวกัน AI Ultra Touch Control ยกระดับความแม่นยำในการสัมผัสและลดอาการหน่วงของการสัมผัสจนแทบไม่รู้สึกถึงความหน่วง มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่ราบรื่นไร้ที่ติ
ดีไซน์สุดหรูที่บางที่สุดในเซกเมนต์
realme 15 Pro 5G ไม่เพียงครองตำแหน่งสมาร์ตโฟนแบต 7,000mAh ที่บางที่สุดในเซกเมนต์เท่านั้น แต่รุ่น realme 15 5G ก็ยังยกระดับมาตรฐานขึ้นไปอีกขั้นด้วยความหนาเพียง 7.66 มม. ทำให้เป็นสมาร์ตโฟนแบต 7,000mAh ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมา

realme 15 Pro 5G สร้างมาตรฐานใหม่ด้วยจอแสดงผลแบบ 4D Curve+ Display มอบความสว่างและลื่นไหลที่สุดในเซกเมนต์ โดดเด่นด้วยหน้าจอแบบใหม่แห่งปี 2025 ที่มีความละเอียด 1.5K ความถี่ 144Hz และความสว่างสูงสุด 6,500nit พร้อมขอบจอบางเฉียบเพียง 1.48 มม. ช่วยยกระดับประสบการณ์การรับชมให้สมจริงยิ่งขึ้น ยังใช้กระจก Corning Glass คุณสมบัติกันฝุ่นมาตรฐาน IP69+ ซึ่งเป็นมาตรฐานกันน้ำและกันฝุ่นระดับสูงสุดในอุตสาหกรรม และคุณสมบัติกันน้ำระดับท็อปแบบเต็มขั้นด้วยการปกป้องของ Corning Gorilla Glass ที่เพิ่มความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งยังทนทานต่อรอยขีดข่วน และยืดอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

การออกแบบฝาหลังของ realme 15 Series 5G ได้รับแรงบันดาลใจจากชุดปาร์ตี้และดินเนอร์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ รวมถึงเนื้อผ้าระดับพรีเมียมจากสตูดิโอตัดเย็บชั้นสูงในปารีส ผสานศิลปะแห่งแฟชั่นอันลื่นไหลเข้ากับดีไซน์เทคโนโลยีได้อย่างลงตัว ฝาหลังแต่ละชิ้นจึงเปรียบเสมือนแพรพรรณชั้นสูงที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจง ราวกับผืนผ้าที่พลิ้วไหวราวกับใยไหม ความลุ่มลึกของผ้ากำมะหยี่จากสตูดิโอตัดเย็บชั้นนำ และการเคลือบสีแบบไล่ระดับมุมมอง มอบดีไซน์ฝาหลังที่มีสีสันสดใส น้ำหนักเบา และสมบูรณ์แบบราวกับแฟชั่นระดับสูง
เปิดตัว realme 15T 5G และอุปกรณ์เสริมครบวงจร
นอกจากนี้ realme ยังเปิดตัว realme 15T 5G ที่มาพร้อมสเปกที่แทบไม่ต่างจากรุ่น realme 15 Pro และ realme 15 โดยยังคงชูจุดเด่นเรื่องหน้าจอ AMOLED สว่างพิเศษ กล้องหน้าและหลัง AI 50MP ความละเอียดสูง แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,000mAh และชิปเซ็ตที่ทรงพลัง Dimensity 6400 Max 5G เรียกได้ว่าให้ประสบการณ์การใช้งานระดับเรือธงในสเปกระดับเดียวกันทุกซีรีส์

พร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์วัยรุ่นด้วยแกดเจ็ตใหม่ล่าสุดอย่าง realme Watch 5 สมาร์ทวอทช์ที่จะเป็นผู้ช่วยในชีวิตประจำวัน ด้วยเข็มทิศและ GPS อิสระ รองรับ 5 ระบบ GNSS มองชัดเต็มตาด้วยหน้าจอ AMOLED ขนาด 1.97 นิ้ว และใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 14 วัน และ realme Buds T200 ตัดเสียงรบกวน เปิดโลกเสียงคุณภาพ ด้วยไดนามิกเบส 12.4 มิลลิเมตร พร้อมตัดเสียงรบกวนแบบแอคทีฟ 32dB ใช้งานต่อเนื่องได้ยาวนาน 50 ชั่วโมง มอบประสบการณ์ความบันเทิงและการเชื่อมต่อที่ครบครันยิ่งกว่าเดิม
ราคาและการวางจำหน่าย
realme 15 Series 5G วางจำหน่ายในราคาที่สะท้อนคุณภาพระดับพรีเมียม โดย realme 15 Pro 5G เลือกได้ทั้งสี Flowing Silver และ Velvet Green สเปก 12GB/256GB ในราคา 14,999 บาท และสเปก 12GB/512GB ในราคา 16,999 บาท ขณะที่ realme 15 5G เลือกได้ทั้งสี Suit Titanium และ Silk Pink สเปก 12GB/256GB ในราคา 12,999 บาท

สำหรับ realme 15T เลือกได้ทั้งสี Flowing Silver และ Suit Titanium สเปก 8GB/256GB ราคา 9,999 บาท และ 12GB/512GB ในราคา 11,999 บาท ขณะที่ realme Buds T200 ราคา 1,199 บาท และ realme Watch 5 ราคา 1,999 บาท


สามารถพรีออเดอร์ realme 15 Pro 5G และ realme 15 5G ได้แล้วตั้งแต่วันที่ 18-26 กันยายน และสามารถเป็นเจ้าของพร้อมกันทั่วประเทศวันที่ 27 กันยายน ผ่านช่องทางโอเปอเรเตอร์ พิเศษ! เป็นเจ้าของผ่านช่องทาง AIS ราคาเครื่องพร้อมแพคเกจสุดคุ้ม realme 15 Pro 5G (12GB/256GB) เริ่มต้นเพียง 10,399 บาท realme 15 Pro 5G (12GB/512GB) เริ่มต้นเพียง 10,399 บาท และ realme 15 5G (12GB/256GB) เริ่มต้นเพียง 8,499 บาท
ช่องทางออนไลน์ พิเศษ! สำหรับ realme 15 Pro 5G (12GB/512GB) Exclusive เฉพาะ Shopee เท่านั้น พร้อมทั้งรับของแถม realme Special Backpack, realme Premium Fruit Mix, ประกันจอแตก 1 ครั้งใน 180 วัน และขยายประกันตัวเครื่องเป็น 2 ปี โดย realme 15T เริ่มจำหน่ายในวันที่ 10 ตุลาคมเป็นต้นไป