เมื่อพฤติกรรมคนไทยเปลี่ยนจาก “ดาวน์โหลด” มาเป็น “อัปโหลด” มากขึ้น AIS จึงเดินหมากใหญ่เปิดตัวเทคโนโลยี 5G UL 2CC (Uplink Carrier Aggregation) ครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเลือกที่จะเริ่มต้นที่ภาคอีสาน ไม่ใช่กรุงเทพฯ ซึ่งเบื้องหลังการตัดสินใจนี้มีเหตุผลเชิงกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ภายใต้วิสัยทัศน์ “AI for Sustainable Nation” ที่มุ่งสร้างความยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล

ทำไมภาคอีสานถึงสำคัญกับอนาคตของโทรคมนาคม
หลายคนอาจตั้งคำถามว่าทำไมผู้ให้บริการเครือข่ายชั้นนำอย่าง AIS ถึงเลือกเปิดตัวเทคโนโลยีล้ำสมัยในภูมิภาค ไม่ใช่ในเมืองหลวง คำตอบอยู่ที่ตัวเลขและพฤติกรรมผู้ใช้งาน
ภาคอีสานเป็นภูมิภาคที่มีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดของประเทศ กระจายตัวครอบคลุมหลายจังหวัด และยังเป็นจุดหมายปลายทางของการเดินทางกลับภูมิลำเนาที่สำคัญที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตัวเลขการเดินทางที่พุ่งสูงในช่วงเทศกาลทำให้เครือข่ายในพื้นที่ต้องรองรับโหลดที่หนักหน่วงเป็นพิเศษ
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือพฤติกรรมการใช้งานที่แตกต่างอย่างชัดเจน ผู้คนในภาคอีสานพึ่งพาอินเทอร์เน็ตมือถือเป็นหลัก มากกว่าอินเทอร์เน็ตบ้าน ซึ่งตรงข้ามกับกรุงเทพฯ ที่ผู้ใช้มีทางเลือกในการใช้ Fix Broadband มากกว่า นี่คือโอกาสทองสำหรับการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ในสภาพแวดล้อมจริง
AIS ผู้นำอันดับ 1 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
AIS ยืนยันความเป็นผู้นำในภาคอีสานด้วยตัวเลขที่น่าประทับใจ ด้วยพื้นที่ครอบคลุมถึง 95% ของประชากรในภูมิภาค ทำให้เป็นผู้ให้บริการอันดับ 1 ในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออย่างแท้จริง

สำหรับบริการไฟเบอร์ออปติก AIS Fibre มีการครอบคลุมกว่า 6.6 ล้านหลังคาเรือน พร้อมฐานผู้ใช้งานจริงที่ 1.01 ล้านหลังคาเรือน ตัวเลขนี้สะท้อนถึงความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ครบถ้วน ทั้งเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตบ้าน ทำให้ภาคอีสานกลายเป็น 1 ใน 3 ภูมิภาคที่มีโครงสร้างพื้นฐาน 5G ที่แข็งแกร่งที่สุด
เมื่อเกษตรกรรมเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีดิจิทัล
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไม่ได้หยุดอยู่แค่เครือข่าย AIS ได้ก้าวไปไกลกว่านั้นด้วยการจับมือกับ Kubota ผู้นำด้านเครื่องจักรกลการเกษตร เปิดตัวโครงการ iFARM ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการการเกษตรผ่าน Cloud Technology ที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถติดตามและควบคุมผลผลิตได้แบบเรียลไทม์
นอกจากนี้ยังมีโครงการนำร่อง 5G Sand Box ด้านการขนส่งสินค้า ซึ่งกำลังทดสอบร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โครงการนี้กำลังรอการอนุมัติจาก กสทช. เพื่อขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ในอนาคต การผสานระหว่างเทคโนโลยี 5G กับอาชีพหลักของภูมิภาคแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่มองไกลกว่าแค่การให้บริการโทรคมนาคม
กลยุทธ์เครือข่าย: คุณภาพมากกว่าปริมาณ
ข้อมูลจาก AIS เผยว่าพื้นที่ครอบคลุมเครือข่ายในภาคอีสานสูงถึง 95% แต่สิ่งที่น่าสนใจคือบริษัทไม่ได้เพิ่มจำนวนสถานีฐาน แต่เลือกที่จะเพิ่มความหนาแน่นของคลื่นความถี่แทน โดยเฉพาะการเสริมความถี่ในกลุ่ม Mid Band ที่ 2100MHz ซึ่งเป็นความถี่หลักที่ใช้งานในภูมิภาค
แนวทางนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของอุตสาหกรรม จากการแข่งขันกันสร้างเสาให้มากที่สุด มาเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ให้สูงสุด ผลลัพธ์คือการประหยัดพลังงานและต้นทุน พร้อมกับการให้บริการที่ดีขึ้น
AI Agent: ผู้ช่วยล่องหนที่ดูแลเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง
วิสัยทัศน์ “AI for Sustainable Nation” ของ AIS ไม่ใช่แค่คำขวัญ แต่เป็นกลยุทธ์ที่นำมาปฏิบัติจริงผ่านการบูรณาการ 4 เสาหลัก ได้แก่ Digital Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล), Digital Talents (บุคลากรดิจิทัล), Digital Safety (ความปลอดภัยดิจิทัล) และ Digital Green (ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม) โดยมี AI เป็นรากฐานสำคัญที่เชื่อมโยงทั้งหมด

หนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญของการบริหารจัดการเครือข่ายสมัยใหม่คือการนำ AI Agent เข้ามามีบทบาท ระบบ AI ของ AIS สามารถตรวจสอบสถานะเครือข่ายแบบเรียลไทม์ ระบุปัญหา และแจ้งเตือนทีมงานในพื้นที่ได้ทันที ลดเวลาในการแก้ไขปัญหาลงอย่างมีนัยสำคัญ
ที่น่าสนใจคือระบบไม่ได้แค่ตรวจจับปัญหา แต่ยังสามารถวิเคราะห์ว่า Cell ใดมีปัญหาและดำเนินการแก้ไขได้อัตโนมัติ เมื่อแก้ปัญหาเสร็จสิ้น ระบบจะปรับการใช้พลังงานให้เหมาะสมและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นี่คือตัวอย่างของการใช้ AI ในทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพื่อทดแทนมนุษย์ แต่เพื่อช่วยให้มนุษย์ทำงานได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ยังมีระบบ Chatbot ที่เชื่อมต่อกับฐานข้อมูลเครือข่าย ช่วยให้ทีมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็นได้ทันทีที่ต้องการ ลดขั้นตอนการทำงานที่ซ้ำซ้อนและเพิ่มความรวดเร็วในการตอบสนอง
ประสบการณ์จริงจาก 5G 3CC บทพิสูจน์ก่อนก้าวสู่ยุคใหม่
ก่อนที่จะเปิดตัว 5G UL 2CC AIS ได้พิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยี Carrier Aggregation มาแล้วด้วย 5G 3CC ที่เปิดให้บริการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นครั้งแรก โดย Sanook Hitech เคยทดสอบที่กรุงเทพฯ และได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ
จากข้อมูลการใช้งานจริง พบว่า 5G 3CC ที่ใช้คลื่นความถี่ 2600MHz, 700MHz และ 2100MHz ร่วมกัน สามารถเพิ่มความเร็วได้ถึง 16% และที่สำคัญคือปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 23% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเมื่อเครือข่ายมีประสิทธิภาพสูง ผู้ใช้ก็มีความมั่นใจในการใช้งานมากขึ้นตามไปด้วย
ความสำเร็จของ 5G 3CC จึงเป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การพัฒนา 5G UL 2CC ซึ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในด้าน Uplink โดยเฉพาะ เป็นการตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ใช้งานในยุคดิจิทัล
5G UL 2CC: เทคโนโลยีที่เกิดมาเพื่อยุคของ Content Creator
ในอดีต ความเร็วอินเทอร์เน็ตที่คนให้ความสำคัญคือความเร็วในการดาวน์โหลด แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนสามารถเป็น Content Creator ได้ การ Live สด การอัปโหลดวิดีโอ การแชร์รูปภาพความละเอียดสูง หรือแม้แต่การใช้งาน AI ที่ต้องส่งข้อมูลจำนวนมากออกไป ล้วนต้องการความเร็ว Uplink ที่สูง

AIS ตอบโจทย์ความต้องการนี้ด้วยเทคโนโลยี 5G UL 2CC (Uplink Carrier Aggregation) ที่ผสมผสานคลื่นความถี่ 700MHz กับ 2600MHz เข้าด้วยกัน ส่งผลให้ความเร็วในการอัปโหลดเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า นับเป็นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งานเชิงพาณิชย์
เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยใช้จุดแข็งของคลื่นความถี่ 2600MHz ที่รองรับเทคโนโลยี TDD (Time Division Duplex) ได้ดีเยี่ยม ผสมกับคลื่น 700MHz ที่มีคุณสมบัติในการเจาะทะลุสิ่งกีดขวางได้ดี ทำให้ได้ทั้งความเร็วและความเสถียร การรวมตัวของสองคลื่นความถี่นี้ทำให้ผู้ใช้งานสามารถอัปโหลดคอนเทนต์ได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการ Live Streaming ที่ต้องการความเสถียรและความเร็วสูง
ทำไมต้องเป็นภาคอีสาน
การเลือกภาคอีสานเป็นพื้นที่เปิดตัวไม่ใช่การตัดสินใจแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เป็นผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด AIS พบว่าผู้ใช้งานในภาคอีสานมีพฤติกรรมการใช้ Live Streaming ผ่านมือถือสูงกว่าภูมิภาคอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ปัจจัยหลักมาจากการที่คนในภูมิภาคพึ่งพาสมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์หลักในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ไม่ใช่คอมพิวเตอร์หรืออินเทอร์เน็ตบ้านเหมือนในกรุงเทพฯ เมื่อต้องการแชร์ประสบการณ์หรือสร้างรายได้จากคอนเทนต์ สมาร์ทโฟนจึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ
การขาย Live บน Facebook และ TikTok กำลังเป็นช่องทางสร้างรายได้ที่สำคัญสำหรับคนในชุมชน ตั้งแต่การขายผลผลิตทางการเกษตร ผ้าทอพื้นเมือง ไปจนถึงอาหารพื้นบ้าน ความเร็ว Uplink ที่สูงขึ้นจึงไม่ใช่แค่ความสะดวกสบาย แต่เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ที่จับต้องได้
อุปกรณ์รองรับและแผนขยายผล
ขณะนี้เทคโนโลยี 5G UL 2CC รองรับอุปกรณ์บางรุ่นแล้ว โดยผู้ให้บริการกำลังทำงานร่วมกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่อย่าง Samsung และแบรนด์อื่นๆ เพื่อขยายการรองรับให้กว้างขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีประกาศรายละเอียดเพิ่มเติมในไม่ช้า

การที่อุปกรณ์ยังไม่รองรับครบทุกรุ่นถือเป็นเรื่องปกติสำหรับเทคโนโลยีใหม่ แต่ด้วยการเติบโตของตลาดสมาร์ทโฟน 5G ที่รวดเร็ว คาดว่าภายในปีหน้าจะมีอุปกรณ์รองรับเทคโนโลยีนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
สิทธิพิเศษที่สร้างคุณค่าให้ชุมชน
AIS ไม่ได้มองแค่การทำธุรกิจ แต่มองถึงการสร้างคุณค่าให้กับสังคม ด้วยการร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดแคมเปญ “สุขใจทั่วไทย อุ่นใจทุกที่” มอบสิทธิพิเศษด้านการใช้บริการเครือข่ายและโปรโมชั่นต่างๆ สำหรับผู้ใช้งานในพื้นที่
ที่น่าสนใจคือการให้ลูกค้าสามารถนำ AIS Point ไปแลกเป็นคูปองเพื่อใช้แทนเงินสดได้ในร้านค้าท้องถิ่น กลไกนี้ไม่เพียงแต่เป็นการคืนกำไรสู่สังคม แต่ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนอีกด้วย
กำลังซื้อกับการเข้าถึงเทคโนโลยี
แม้โครงสร้างพื้นฐานจะพร้อม แต่ความท้าทายที่แท้จริงคือการทำให้ผู้คนเข้าถึงเทคโนโลยี เนื่องจากคนในภาคอีสานส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม กำลังซื้ออุปกรณ์ที่รองรับ 5G ราคาแพงอาจเป็นอุปสรรค
AIS ตระหนักถึงประเด็นนี้และกำลังผลักดันให้มีอุปกรณ์รองรับ 5G ในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น การทำงานร่วมกับผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเพื่อนำเสนอแพ็คเกจที่เหมาะสมกับกำลังซื้อของคนในภูมิภาคจึงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์
เมื่ออุปกรณ์มีราคาที่เหมาะสม ประกอบกับเครือข่ายที่มีคุณภาพ จะช่วยลดช่องว่างทางดิจิทัลระหว่างเมืองหลวงกับภูมิภาค และเปิดโอกาสให้คนในพื้นที่สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการสร้างรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตได้จริง

จากภาคอีสานสู่ทั่วประเทศ
การเปิดตัว 5G UL 2CC ที่ภาคอีสานเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ความสำเร็จในพื้นที่นำร่องนี้จะเป็นต้นแบบสำหรับการขยายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีลักษณะการใช้งานคล้ายคลึงกัน
การเป็นผู้นำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้านเทคโนโลยี 5G UL 2CC แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ AIS ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ ไม่ใช่เพื่อแข่งขันกับคู่แข่งเพียงอย่างเดียว แต่เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนผ่านเทคโนโลยีที่เหมาะสมและตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริง
สำหรับผู้ที่มีบ้านหรือครอบครัวในภาคอีสาน การเข้าถึงเครือข่ายคุณภาพสูงนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การสื่อสารสะดวกสบายขึ้น แต่ยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการทำธุรกิจ การศึกษา และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน