How To

เทียบสเปคกันชัดๆ iPad A16 (รุ่นที่ 11) vs iPad รุ่นที่ 10 อัปเกรดคุ้มไหม?

หลังจากรอคอยมาเกือบสามปี แอปเปิล ได้เปิดตัว iPad รุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูลไอแพดรุ่นพื้นฐาน โดยเปลี่ยนชื่อเรียกจากตัวเลขรุ่นมาเป็น iPad A16 แทน

ความแตกต่างที่น่าสนใจ

ผู้ใช้หลายคนอาจกำลังสงสัยว่า iPad A16 รุ่นใหม่ล่าสุดของปี 2025 นี้มีความแตกต่างอย่างไรเมื่อเทียบกับ iPad รุ่นที่ 10 ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 2022 วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยกันว่าการอัปเกรดครั้งนี้น่าสนใจแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า แอปเปิล ตัดสินใจคงราคาเริ่มต้นไว้ที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12,000 บาท) แต่เพิ่มความจุเริ่มต้นเป็นสองเท่าที่ 128GB

การออกแบบและขนาด

ด้านการออกแบบ แอปเปิล ยังคงใช้ดีไซน์เดิมจากรุ่นก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องดีสำหรับผู้ที่มีอุปกรณ์เสริมอย่าง Magic Keyboard Folio สำหรับ iPad รุ่นที่ 10 เพราะสามารถใช้ร่วมกับรุ่นใหม่ได้หากตัดสินใจอัปเกรด

iPad A16 ยังคงมีขนาดหน้าจอ 10.9 นิ้วเท่าเดิม และเมื่อพิจารณาภายนอกแทบจะแยกไม่ออกจากรุ่นก่อนหน้า ทั้งนี้เพราะในปี 2022 แอปเปิล ได้ปรับโฉม iPad รุ่นพื้นฐานครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนจากดีไซน์ขอบหนาแบบเดิมที่มีปุ่มโฮมมาเป็นดีไซน์ขอบบางทันสมัยเหมือนกับ iPad Pro และ iPad Air ซึ่งถือว่าเป็นการปรับปรุงที่ได้รับการยอมรับอย่างมาก

ตัวเครื่องยังคงมีปุ่ม Touch ID ที่ปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ลำโพงสเตอริโอแบบแนวนอนซึ่งให้ประสบการณ์การรับชมวิดีโอที่ดี กล้องหน้าที่ออกแบบให้อยู่บนขอบเมื่อถือในแนวนอน (ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาตำแหน่งกล้องที่ไม่เหมาะสมในรุ่นอื่นๆ) และพอร์ต USB-C ที่ด้านล่างซึ่งทำให้การชาร์จและเชื่อมต่ออุปกรณ์เสริมสะดวกขึ้น รวมถึงความหนาของตัวเครื่องที่น่าจะเท่ากัน ทำให้เคสเก่าสามารถใช้กับรุ่นใหม่ได้ ซึ่งเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่อัปเกรดแต่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์เสริมใหม่

หน้าจอแสดงผล

ในด้านจอแสดงผล iPad A16 ยังคงใช้หน้าจอ LCD แบบไม่ลามิเนต (non-laminated) ขนาด 10.9 นิ้ว ความละเอียด 2360 x 1640 พิกเซล และรีเฟรชเรต 60 Hz เหมือนเดิม ซึ่งแตกต่างจาก iPad Pro ที่มีเทคโนโลยี ProMotion (รีเฟรชเรต 120 Hz) และ iPad Air รุ่นใหม่ที่ใช้หน้าจอแบบลามิเนต (ไม่มีช่องว่างระหว่างกระจกและแผงหน้าจอ)

เทคโนโลยี True Tone และ Night Shift ยังคงมีอยู่ใน iPad A16 ซึ่ง True Tone ช่วยปรับสมดุลสีขาวของหน้าจอให้เข้ากับแสงโดยรอบเพื่อให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น ส่วน Night Shift ช่วยลดแสงสีฟ้าในช่วงกลางคืนเพื่อลดการรบกวนการนอนหลับ

อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดที่น่าผิดหวังคือการเคลือบผิวกันรอยนิ้วมือ (oleophobic coating) ที่ยังคงอ่อนอยู่ ทำให้จอแสดงผลเป็นรอยนิ้วมือได้ง่าย และคุณสมบัติในการต้านทานแสงจ้า (anti-glare) ที่ไม่ดีนัก ซึ่งอาจเป็นปัญหาเมื่อใช้งานกลางแจ้ง

จุดที่น่าสนใจคือการรองรับ Apple Pencil ทั้งรุ่น USB-C ที่เปิดตัวในปี 2023 ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ถูกกว่า (ประมาณ 2,990 บาท) และ Apple Pencil รุ่นที่ 1 แบบเดิม ทำให้เหมาะสำหรับการวาดภาพหรือจดบันทึก แม้ว่าจะไม่มีความไวต่อแรงกดหรือฟีเจอร์ขั้นสูงเท่ากับ Apple Pencil Pro สำหรับ iPad Pro รุ่นใหม่

ประสิทธิภาพและซอฟต์แวร์

สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนคือชิปประมวลผล โดย iPad A16 ใช้ชิป A16 Bionic ซึ่งเป็นชิปเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 14 Pro ต่างจาก iPad รุ่นที่ 10 ที่ใช้ชิป A14 Bionic จาก iPhone 12

ชิป A16 Bionic ผลิตด้วยกระบวนการ 4 นาโนเมตร มี CPU 6 แกน (2 แกนประสิทธิภาพสูง และ 4 แกนประหยัดพลังงาน) และ GPU 5 แกน รวมถึง Neural Engine 16 แกนที่สามารถประมวลผลได้ถึง 17 ล้านล้านการคำนวณต่อวินาที ซึ่งช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งการเปิดแอปพลิเคชัน การประมวลผลภาพ และการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน

แม้ว่าการเพิ่มประสิทธิภาพจะเห็นได้ชัด แต่น่าผิดหวังที่ iPad A16 ยังไม่รองรับ Apple Intelligence ซึ่งเป็นระบบ AI อัจฉริยะตัวใหม่จาก แอปเปิล ที่ช่วยในการจัดการงานต่างๆ อย่างการสรุปและการแก้ไขข้อความ การสร้างรูปภาพ และการค้นหาอัจฉริยะ ซึ่งดูเหมือนว่าจะต้องการชิปอย่างน้อย A17 Pro และ RAM อย่างน้อย 8GB เพื่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในด้านซอฟต์แวร์ iPad A16 รองรับ iPadOS 17 ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น:

  • Home Screen Widgets ที่มีการโต้ตอบได้ ทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชันได้โดยตรงจากหน้าจอหลัก
  • ปรับปรุง Stage Manager สำหรับการทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน
  • Lock Screen ที่ปรับแต่งได้มากขึ้น พร้อม Widget และรูปแบบนาฬิกาใหม่
  • การรองรับการควบคุมด้วยสายตา เพิ่มความสามารถในการเข้าถึง
  • Health App บน iPad เพื่อติดตามข้อมูลสุขภาพบนหน้าจอขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงสามารถใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ จาก App Store ได้อย่างครบถ้วน การส่งออกวิดีโออาจช้ากว่ารุ่น Pro แต่ก็ยังทำได้ แต่คงไม่สามารถเล่นเกม AAA อย่าง Resident Evil 4 หรือ Assassin’s Creed Mirage ที่เริ่มมีให้บริการบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ แอปเปิล ซึ่งฟีเจอร์เหล่านี้ต้องการฮาร์ดแวร์ระดับสูงอย่าง M-series chip เป็นอย่างน้อย

กล้อง

ในด้านกล้อง iPad A16 ติดตั้งกล้องหลังความละเอียด 12MP เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งสามารถถ่ายภาพนิ่งคุณภาพดีและบันทึกวิดีโอระดับ 4K ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีฟีเจอร์ขั้นสูงเช่น โหมดภาพพอร์เทรตหรือระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบออปติคัลที่มีในรุ่น Pro

กล้องหน้าความละเอียด 12MP มีลักษณะพิเศษคือตำแหน่งที่ถูกวางบนขอบด้านยาวของ iPad ซึ่งทำให้อยู่ด้านบนเมื่อถือในแนวนอน (landscape) ทำให้การสนทนาวิดีโอเมื่อใช้ร่วมกับคีย์บอร์ดมีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เนื่องจากสายตาของคุณจะมองตรงไปที่กล้องแทนที่จะมองไปด้านข้าง

ทั้ง iPad A16 และ iPad รุ่นที่ 10 รองรับคุณสมบัติ Center Stage ซึ่งใช้ AI และมุมมองกล้องกว้างในการติดตามและปรับมุมมองให้คุณอยู่ตรงกลางเฟรมเสมอ แม้จะเคลื่อนที่ไปมาระหว่างการสนทนาวิดีโอ ฟีเจอร์นี้มีประโยชน์มากสำหรับการประชุมออนไลน์หรือการสอนทางไกล

นอกจากนี้ กล้องของ iPad A16 ยังสามารถสแกนเอกสารและทำงานร่วมกับแอปพลิเคชันความเป็นจริงเสริม (AR) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยชิป A16 Bionic ที่มีความสามารถในการประมวลผลดีขึ้น

จากข้อมูลเบื้องต้นคาดว่าคุณภาพของกล้องจะมีการปรับปรุงเล็กน้อยในด้านการประมวลผลภาพและการถ่ายวิดีโอในสภาพแสงน้อย อย่างไรก็ตาม รายละเอียดที่แน่ชัดจะมีการทดสอบและเปิดเผยเมื่อได้รับเครื่องมาทดสอบในอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์

คุณภาพเสียง

iPad A16 มีลำโพงสองตัวในรูปแบบสเตอริโอแนวนอน (landscape stereo speakers) เหมือนกับรุ่นก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นการปรับปรุงจากรุ่นที่ 9 ที่มีลำโพงด้านเดียว ตำแหน่งลำโพงที่อยู่ทั้งสองข้างเมื่อถือในแนวนอนช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับชมวิดีโอและการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น

คุณภาพเสียงของ iPad A16 ค่อนข้างดีสำหรับแท็บเล็ตในระดับราคานี้ ให้ความดังและความชัดเจนที่เพียงพอสำหรับการรับชมวิดีโอหรือฟังเพลงในห้องขนาดกลาง แม้จะมีเสียงกลางที่ค่อนข้างแหลม (honky mids) และเสียงเบสที่บาง (thin bass) หากพิจารณาอย่างละเอียด แต่หากไม่นำไปเปรียบเทียบกับเสียงที่หนักแน่นของ iPad Pro ที่มีระบบลำโพง 4 ตัวและเทคโนโลยีเสียงขั้นสูง ก็ถือว่าใช้งานได้ดี

iPad A16 ยังรองรับเทคโนโลยี Spatial Audio เมื่อใช้งานร่วมกับหูฟัง AirPods Pro หรือ AirPods Max ทำให้ได้รับประสบการณ์เสียงรอบทิศทางที่สมจริง เหมาะสำหรับการรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงที่รองรับเทคโนโลยีนี้

จากการทดสอบเบื้องต้น iPad A16 มีคุณภาพเสียงใกล้เคียงกับ iPad รุ่นที่ 10 โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นเพราะ แอปเปิล มุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพและความจุของเครื่องมากกว่าระบบเสียง

แบตเตอรี่และการชาร์จ

อายุการใช้งานแบตเตอรี่ของ iPad A16 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า แอปเปิล ยังคงระบุว่าสามารถใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงสำหรับการเล่นวิดีโอหรือท่องเว็บผ่าน Wi-Fi เหมือนกับ iPad รุ่นที่ 10 ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการใช

ข้อมูลสเปค

ความแตกต่างหลักระหว่าง iPad A16 และ iPad รุ่นที่ 10:

  • ชิปประมวลผล: iPad A16 ใช้ชิป A16 Bionic ขณะที่ iPad รุ่นที่ 10 ใช้ชิป A14 Bionic
  • ความจุพื้นฐาน: iPad A16 เริ่มต้นที่ 128GB ขณะที่ iPad รุ่นที่ 10 เริ่มต้นที่ 64GB
  • ราคา: ทั้งสองรุ่นมีราคาเริ่มต้นเท่ากันที่ 350 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 12,000 บาท)

*หมายเหตุ: RAM ของ iPad A16 ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่น่าจะยังคงอยู่ที่ 4GB เหมือนเดิม

สรุป…ควรอัปเกรดหรือไม่?

หากคุณมี iPad รุ่นที่ 10 อยู่แล้ว การเปลี่ยนไปใช้ iPad A16 อาจไม่จำเป็น การเพิ่มประสิทธิภาพที่คุณจะได้รับมีอยู่จริง แต่ไม่มากนัก หากคุณต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้น อาจถึงเวลาที่ควรพิจารณาอัปเกรดเป็น iPad Air หรือ iPad Pro แทน

ทั้งนี้ จะมีรายละเอียดเพิ่มเติมในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเมื่อได้ทำการทดสอบ iPad รุ่นใหม่อย่างละเอียด

อ้างอิง | Phonearena.com

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
เปรียบเทียบ Mac Mini vs Mac Studio มากกว่า 25 จุดแตกต่างที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ
รวมความรู้! ในการประกอบพีซีสำหรับเล่นเกมแบบประหยัดค่าใช้จ่าย
วิธีทำความสะอาด “เงินสด” เพื่อสุขภาวะที่ดี ห่างไกลเชื้อโรค

Leave Your Reply

*