เรียกว่าไม่ต้องรอให้เสียเวลาหลังจากมีข่าวหลุดสินค้าใหม่จาก Bose ไปไม่ได้นาน ตอนนี้ Gadget ที่ว่านั้นได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ประกอบไปด้วยหูฟัง 2 รุ่นใหม่และแว่นฝั่งหูฟังรุ่นใหม่ได้เปิดตัวแล้ว
Bose QuietComfort Earbuds
ต้องบอกไว้ก่อนว่านี่คือหูฟังไร้สายรุ่นแรกของค่ายที่มีระบบ Noise Canceling ในหูฟังแบบ TWS ของค่าย ตัวเครื่องจะมีฟีเจอร์ ANC ทำงานโดยการใช้ไมโครโฟนและ Algorithm ในการเปิดระบบ หรือตั้งให้มีเสียงรบกวน หรือ Ambient เข้ามาได้เล็กน้อย การออกแบบนั้นจะคล้ายกับหูฟังแบบ In Ear ช่วยกันเสียงรบกวนได้ได้ระดับหนึ่ง
![bo3](https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMzAyLzE1MTAzNjEvYm8zLmpwZw==.jpg)
นอกจากนี้ยังถอดความสามารถจาก Bose Headphone 700 นั่นคือการตั้งค่าระบบ Noise Canceling ได้ ว่าคุณจะเอาแบบปิดทั้งหมด เปิดเสียงรบกวนบางส่วนได้
และยังติดตั้ง Volume Optimized Active EQ ช่วยจัดการเรื่องของระดับเสียงให้เหมาะสมและลดความหน่วงในการปรับระดับเสียงในการปรับ Equalizer และหูฟังรุ่นนี้รองรับ Bluetooth 5.1 พร้อมกับรองรับ AAC Codes แถมยังกันน้ำในแบบ IPX4 คือกันน้ำกระเด็นใส่ได้ และเพิ่มการควบคุมผ่านการแตะสัมผัส
![bo2](https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMzAyLzE1MTAzNjEvYm8yLmpwZw==.jpg)
ส่วนแบตเตอรี่ที่หูฟังสามารถใช้งานได้นานสุด 6 ชั่วโมง และรวมกับการใช้ Charging Case รวมกัน 18 ชั่วโมง และมี Quick Charge วางชาร์จแป๊ปเดียว สามารถใช้งานได้ 2 ชั่วโมง และแท่นชาร์จรองรับการชาร์จไฟทั้งแบบสาย สามารถเก็บไฟได้ภายใน 2 ชั่วโมง และรองรับ Wireless Charge ด้วย
หูฟัง Bose QuietComfort Earbuds มีหเลือก 2 สีคือ Triple Black, และ Soapstone จะออกเป็นสีเบส ในราคา 280 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,400 บาท
Bose Sport EarBuds
![bose2](https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMzAyLzE1MTAzNjEvYm9zZTIuanBn.jpg)
มาถึงหูฟังรุ่นที่ 2 ที่เปิดตัวกันบ้างรุ่นนี้ราคาไม่แรงเท่าตัวแรกแต่ก็มีฟีเจอร์เช่น Active Noise Canceling ที่ทำให้คุณโฟกัสกับการออกกำลังกายมากขึ้นกว่าเดิม พร้อมการป้องกันน้ำในแบบ IPX4 และมีฟีเจอร์ Bose’ StayHear การออกแบบให้คล้ายกับ In Ear ช่วยทำให้การใสง่ายและมีปีกเล็กๆ เพื่อให้ยึดกับหูของเราได้ดีขึ้น
![bo4](https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMzAyLzE1MTAzNjEvYm80LmpwZw==.jpg)
รองรับฟีเจอร์ Bluetooth 5.0, การเข้ารหัส AAC Codes พร้อมกับรองรับ Active EQ ส่วนแบตเตอรี่ใช้ได้นานสุด 5 ชั่วโมง และรวมกับ Charging Case อยู่ได้ 15 ชั่วโมง และมี Touchpad สั่งงานได้ ทั้งนี้สีของหูฟังรุ่นนี้มีให้เลือก 3 สีคือ Baltic Blue, Glacier White, และ Triple Black ราคาเปิดตัวอยู่ที่ 180 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ หรือประมาณ 6,700 บาท
![](https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMzAyLzE1MTAzNjEvYm81LmpwZw==.jpg)
Bose Frames
ปิดท้ายกับหูฟังที่มาอยู่ในร่างของแว่นกันแดดมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบคือ Soprano, Tenor, และ Tempo และแยกออกอย่างไร คำตอบคือ
![](https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMzAyLzE1MTAzNjEvYm9zZTMuanBn.jpg)
Soprano
Soprano และ Tenor จะมีหน้าตาที่คล้ายกัน แต่ว่าเลนส์ของ Soprano จะเป็นแบบกรอบเหมือนกับตาแมว แต่ว่า Tenor จะเป็นกรอบเหลี่ยมปกติ เฟรมเป็นแบบ ไนลอน พร้อมกับกระจกให้สีดำที่หมด และโครงสร้างของแม่นเป็นแบบ Polycarbonate
![](https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMzAyLzE1MTAzNjEvYm9zZTQuanBn.jpg)
Tenor
ตัวเลือกสำหรับเลนส์มีให้เลือกทั้งสี Rose Gold, ออกสีม่วง สำหรับ Soprano แต่ถ้าเป็น Tenor จะเป็นกระจกสีเงิน, สีออกฟ้า
ส่วนระบบเสียงนั้นใช้ระบบ Bose Oper Ear Audio ที่ให้เสียงออกจากก้านและเข้าไปที่หูเราได้โดยไม่มีเสียงรบกวนออกมา เหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ และแบตเตอรี่อยู่ได้ที่ 5.5 ชั่วโมง พร้อมกับมี Touch pad สั่งงานด้านข้างควบคุมตั้งแต่ การรับสาย, หยุดเพลง, ปรับระดับเสียง และมีเซนเซอร์เมื่อถอดแว่นจะหยุดเพลงและปิดตัวเองเพื่อประหยัดไฟ และไมโครโฟนมาแบบ Beamforming Microphone สำหรับการโทรศัพท์
![](https://s.isanook.com/hi/0/rp/r/w728/ya0xa0m1w0/aHR0cHM6Ly9zLmlzYW5vb2suY29tL2hpLzAvdWQvMzAyLzE1MTAzNjEvYm9zZTUuanBn.jpg)
Tempo
และมาถึงแว่น Tempo ที่ออกแบบเพื่อใช้ออกกำลังกายโดยมีการใช้ซิลิโคนแบบอ่อนนุ่มที่ตรงช่วงจมูก และสามารถปรับได้ 3 ขนาดมีให้เลือกในกล่อง พร้อมกับกันน้ำได้ในระดับ IPX4 โดยสามารถเลือกเลนส์ทั้ง Road Orange, Trail Blue และ Twilight Yellow ที่จะมีความแตกต่างในเรื่องของสีที่เข้มความสว่างตามค่า VLT (visible light transmission) ส่วนระบบเสียงนั้นจะคล้ายกับรุ่นก่อนหน้านี้ และราคายังเท่ากันคือ 250 ดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยตอนนี้ยังเป็นการเปิด Pre-Order ในบางประเทศ