Gadgets

แคนนอนเปิดตัว EOS R6 Mark III กล้องมิเรอร์เลส 32.5 ล้านพิกเซล พร้อมเลนส์ไพรม์ RF45mm f/1.2 STM

แคนนอน (Canon) ประกาศเปิดตัวกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุด EOS R6 Mark III พร้อมเลนส์ไพรม์รูรับแสงกว้าง RF45mm f/1.2 STM ตอบโจทย์ทั้งผู้ที่หลงใหลในการถ่ายภาพและช่างภาพมืออาชีพที่ต้องการยกระดับผลงานด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

EOS R6 Mark III

เปิดมาตรฐานใหม่ด้วยความละเอียด 32.5 ล้านพิกเซล

EOS R6 Mark III สานต่อความสำเร็จจากรุ่น EOS R6 Mark II ที่เปิดตัวไปเมื่อปี 2566 โดยอัปเกรดความละเอียดสูงขึ้นเป็น 32.5 ล้านพิกเซล พร้อมการทำงานที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กล้องรุ่นนี้ผสานฟีเจอร์การถ่ายวิดีโอขั้นสูงเพื่อรองรับเวิร์กโฟลว์ระดับมืออาชีพแบบครบวงจร ซึ่งสามารถบันทึกวิดีโอไฟล์ RAW ความละเอียดสูงถึง 7K 60p และรองรับการถ่ายวิดีโอแบบ Open Gate (อัตราส่วน 3:2) ได้อย่างเต็มรูปแบบ

นางสาวเนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “การเปิดตัว EOS R6 Mark III ทำให้กลุ่มผลิตภัณฑ์ซีรีส์ EOS R ‘6’ ก้าวสู่เจเนอเรชันที่สามอย่างเต็มตัว โดยกล้องรุ่นนี้สืบทอดดีเอ็นเอของซีรีส์เอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีภาพนิ่งและวิดีโอใหม่ล่าสุดของแคนนอน เพื่อสร้างเครื่องมือถ่ายทอดเรื่องราวอันทรงพลังและมอบความยืดหยุ่นในการทำงานมากที่สุด”

ความเร็วและความแม่นยำระดับมืออาชีพ

ด้วยความละเอียดภาพ 32.5 ล้านพิกเซล EOS R6 Mark III มอบรายละเอียดที่คมชัดและความยืดหยุ่นในการครอปภาพได้มากขึ้น ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งเมื่อต้องถ่ายภาพวัตถุระยะไกลแล้วนำมาครอปให้ใกล้ขึ้น กล้องรุ่นนี้สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ราว 150 ภาพด้วยความเร็วสูงสุด 40 เฟรมต่อวินาทีเมื่อใช้ชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ และแม้ในขณะประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาล กล้องก็ยังสามารถรักษาอัตราการถ่ายภาพต่อเนื่องความเร็วสูงไว้ได้ ทั้งในโหมดชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ 40 เฟรมต่อวินาที หรือโหมดแบบผสมทั้งชัตเตอร์กลไกและชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่ 12 เฟรมต่อวินาที

EOS R6 Mark III

กล้องยังมาพร้อมฟีเจอร์ Pre-Continuous Shooting ที่ใช้งานง่าย สามารถบันทึกภาพต่อเนื่องได้ล่วงหน้าสูงสุด 20 เฟรมก่อนกดชัตเตอร์ลงสุด ทำให้ไม่พลาดทุกจังหวะสำคัญในการถ่ายภาพ ระบบนี้รองรับไฟล์ภาพนิ่งทุกรูปแบบ ทั้ง RAW, C-RAW และ HEIF (รูปแบบไฟล์ภาพที่ใช้เทคโนโลยีบีบอัดขั้นสูง) พร้อมโฟกัสอัตโนมัติทุกโหมด โดยสามารถเลือกเฟรมไปปรับแต่งต่อได้เหมือนไฟล์ภาพทั่วไป

ระบบโฟกัสอัตโนมัติอัจฉริยะ

อัลกอริทึมระบบออโต้โฟกัสรุ่นปรับปรุงใหม่ช่วยให้ติดตามวัตถุได้แม่นยำกว่าเดิม เพิ่มโอกาสในการถ่ายวัตถุที่เคลื่อนไหวเร็วหรือวัตถุที่ซับซ้อนได้มากขึ้นและลดภาระงานหลังการถ่ายทำ นอกจากนี้ยังติดตั้งฟังก์ชัน Register People Priority จากรุ่นเรือธง EOS R1 ช่วยให้กล้องสามารถจดจำและจับภาพบุคคลที่กำหนดไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ทั้งในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอ เหมาะกับการถ่ายบุคคลในกลุ่มคนจำนวนมาก ทั้งในงานอีเวนต์ คอนเสิร์ต หรือกีฬาที่เล่นเป็นทีม

ฟีเจอร์วิดีโอระดับโปร

EOS R6 Mark III เพิ่มตัวเลือกการบันทึกวิดีโอและการตัดต่อให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย โดยรองรับการบันทึกวิดีโอไฟล์ RAW ความละเอียด 7K 60p จากตัวเครื่องไปยังการ์ด CFexpress Type B (การ์ดหน่วยความจำความเร็วสูง) และยังเป็นกล้องตระกูล EOS R รุ่นแรกที่รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ Open Gate ในอัตราส่วน 3:2 สูงสุด 7K 30p RAW

ฟีเจอร์ Open Gate ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในขั้นตอนการตัดต่อเมื่อต้องการจัดกรอบภาพใหม่ โดยเฉพาะเมื่อต้องการสร้างวิดีโอแนวนอนและแนวตั้งจากฟุตเทจเดียวกัน ซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย ในระหว่างการบันทึกวิดีโอไฟล์ RAW 7K 60p กล้องยังสามารถบันทึกไฟล์พร็อกซีขนาดเล็กแบบ MP4 หรือไฟล์ 4K DCI Fine MP4 สำรองลงการ์ด SD พร้อมกันได้

กล้องรุ่นนี้สามารถบันทึกไฟล์ได้หลายรูปแบบมากขึ้น โดยเพิ่ม Internal RAW, Canon Log 2 (โปรไฟล์สีสำหรับการถ่ายวิดีโอมืออาชีพ) และ HLG Gamma เสริมจาก Canon Log 3 และ HDR PQ ที่มีอยู่เดิม พร้อมรองรับ Custom Picture (CP) แบบเดียวกับกล้องตระกูล Cinema EOS รวมถึง Custom LUTs (ตารางค่าสีสำหรับแปลงสีวิดีโอ) เพื่อกำหนดตัวเลือกการถ่ายอย่าง gamma, colour sampling และ bit depth ให้เหมาะกับเวิร์กโฟลว์และความต้องการที่แตกต่างกัน ผู้ใช้ยังสามารถดาวน์โหลดโปรไฟล์สี LUT ได้ฟรีจากเว็บไซต์ Canon LUT Library หรืออิมพอร์ตไฟล์ LUT ใส่กล้องผ่านทางแอปพลิเคชัน Camera Connect ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

EOS R6 Mark III รองรับการวัดแสงแบบ Waveform Monitor พร้อม False Color และ Zebra (เครื่องมือช่วยตรวจสอบค่าแสงในการถ่ายวิดีโอ) เพื่อช่วยเช็กและตั้งค่ารูรับแสงที่แม่นยำได้ตั้งแต่แรกเช่นเดียวกับรุ่น EOS R5 Mark II โดยฟีเจอร์ใหม่อย่าง AWB Response และ Shockless WB ยังช่วยให้การเปลี่ยนสมดุลแสงขาวระหว่างถ่ายวิดีโอสามารถทำได้อย่างเนียนตา ไม่ว่าจะใช้โหมดปรับสมดุลแสงขาวอัตโนมัติหรือปรับเองก็ตาม

ในระหว่างการบันทึกวิดีโอยังสามารถเลือกโทนสีอัตโนมัติ Color Filters ได้ถึง 14 แบบทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ เพื่อการจบงานได้อย่างรวดเร็วหรือพรีวิวผลงานไฟนอลได้อย่างฉับไว นอกจากนี้ ยังมีโหมด S&F (Slow and Fast) ที่บันทึกวิดีโอ 4K แบบเร่งเวลาได้สูงสุด 60 เท่า และสโลว์โมชันได้สูงสุด 5 เท่าสำหรับความละเอียด 4K หรือ 7.5 เท่าสำหรับความละเอียด 2K DCI

การออกแบบที่ตอบโจทย์การใช้งาน

EOS R6 Mark III ยังคงมอบสัมผัสการใช้งานพื้นฐานที่เรียบง่าย รวมถึงความทนทานและการออกแบบตัวเครื่องที่ไว้ใจได้ในสไตล์ EOS R6 Mark II พร้อมการปรับแต่งปุ่มให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและปรับรูปทรงให้เหมาะสมตามหลักสรีรศาสตร์เพื่อการถ่ายแนวตั้งที่สะดวกขึ้น กล้องใช้แบตเตอรี่รุ่น LP-E6P และยังรองรับอุปกรณ์เสริม แบตเตอรีกริปรุ่น BG-R20/BG-R20EP ที่ใส่แบตได้ถึงสองก้อน ช่วยยืดเวลาการถ่ายภาพและเพิ่มความถนัดในการจับกล้องถ่ายแนวตั้งได้มากกว่าเดิม

เลนส์ไพรม์รูรับแสงกว้างสุด RF45mm f/1.2 STM

แคนนอน ยังได้เปิดตัวเลนส์ไพรม์สำหรับถ่ายภาพบุคคล RF45mm f/1.2 STM ซึ่งเป็นเลนส์ไพรม์รูรับแสงกว้างที่สุดของซีรีส์ RF ในราคาที่เข้าถึงง่าย ด้วยความเป็นเลนส์ f/1.2 รุ่นแรกในคลาสนี้ของแคนนอน ทำให้ RF45mm f/1.2 STM มีจุดเด่นที่ขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา และสามารถสร้างโบเก้ที่ละลายพื้นหลังได้อย่างสวยงาม พร้อมความยืดหยุ่นในการถ่ายในที่แสงน้อยและระบบโฟกัสอัตโนมัติที่เงียบ

ทางยาวโฟกัสที่ 45 มิลลิเมตร เมื่อใช้งานร่วมกับกล้องฟูลเฟรมจะให้มุมมองที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งสามารถขยับจากภาพมุมกว้างมาสู่ระยะคลอสอัพได้อย่างง่ายดายในแค่ก้าวเดียว เมื่อใช้กับกล้องเซนเซอร์ APS-C อย่างรุ่น EOS R50 จะให้มุมมองเทียบเท่าระยะ 72 มิลลิเมตร ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล คลอสอัพวัตถุ และภาพแนวสตรีท

การทำโบเค้ที่ f/1.2 ช่วยกำหนดกรอบภาพเพื่อบอกเล่าเรื่องราวได้อย่างชัดเจน และเมื่อหรี่รูรับแสงถึง f/8 ก็จะมอบความคมชัดจรดขอบภาพทุกด้านด้วยมาตรฐานระดับมืออาชีพ เลนส์รุ่นนี้มีน้ำหนักประมาณ 346 กรัม ถือเป็นเลนส์ f/1.2 ขนาดเล็กที่สุดทั้งในตระกูล EF และ RF ซึ่งเกิดจากการประยุกต์ใช้ชิ้นเลนส์ PMo (plastic molded) aspherical อย่างมีประสิทธิภาพ ผสานมอเตอร์ขับเคลื่อนชิ้นเลนส์ STM แบบเฟือง พร้อมฟังก์ชันการแก้ไขความคลาดเคลื่อนของเลนส์แบบดิจิทัล

คู่หูทรงพลังเพื่อความคุ้มค่าสูงสุด

ทั้ง EOS R6 Mark III และ RF45mm f/1.2 STM มอบความคุ้มค่าในด้านประสิทธิภาพด้วยการติดตั้งฟีเจอร์ทรงพลังที่มีในกล้องระดับสูง รูรับแสงกว้างสุดที่ f/1.2 ของ RF45mm f/1.2 STM ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเปิดรับแสงให้กับเซนเซอร์ของ EOS R6 Mark III เพื่อดึงศักยภาพของระบบ Dual Pixel CMOS AF II (ระบบโฟกัสอัตโนมัติแบบตรวจจับเฟสบนเซนเซอร์) ให้ทำงานในสภาพแสงน้อยได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้การตรวจจับและติดตามวัตถุในที่มืดมีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

EOS R6 Mark III

เมื่อทำงานร่วมกับระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกนในตัวกล้อง EOS R6 Mark III จะทำให้เลนส์ RF45mm f/1.2 STM มอบภาพที่คมชัดไม่สั่นไหว แม้ใช้สปีดชัตเตอร์และค่า ISO ต่ำ ทำให้สองผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ถือเป็นคู่หูทรงพลังสำหรับผู้ที่ใช้งานกล้องที่กำลังมองหาความคุ้มค่าสูงสุด พร้อมสมรรถนะและความยืดหยุ่นเต็มพิกัด

ผู้สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://asia.canon

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
เปิดตัว “LinkBuds S รุ่น WF-LS900N” หูฟังแบบไร้สาย Truly Wireless รุ่นใหม่ล่าสุดจากโซนี่
Xiaomi โปรเจคเตอร์อัจฉริยะขนาด Mi Smart Compact Projector ในราคา 15,990 บาท
RTB เปิดตัว Jabra Elite Active 75t หูฟัง True Wireless สไตล์สปอร์ต

Leave Your Reply

*