
หลู่ เว่ยปิง ประธาน บริษัทเสียวหมี่ ออกมายืนยันเมื่อวานนี้ว่า เทคโนโลยีจอหลังที่ปรากฏบนสมาร์ทโฟนรุ่น Pro จะไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่จะมีการพัฒนาต่อเนื่องในรุ่นถัดไป
เมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา เสียวหมี่ ได้เปิดตัว Xiaomi 17, 17 Pro และ 17 Pro Max ในประเทศจีน ซึ่งรุ่น Pro ทั้งสองรุ่นได้รับการติดตั้งหน้าจอขนาดเล็กที่ด้านหลังของตัวเครื่อง โดยฝังอยู่ในโมดูลกล้องขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับที่พบใน iPhone รุ่นล่าสุด
ย้อนกลับไปในอดีต เสียวหมี่ เคยทดลองใช้เทคโนโลยีจอหลังมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่ประสบความสำเร็จในระยะยาว ทำให้หลายฝ่ายมองว่านวัตกรรมครั้งนี้อาจเป็นเพียงกลยุทธ์ทางการตลาดชั่วคราวที่จะถูกลืมเมื่อถึงการเปิดตัวซีรีส์ Xiaomi 18 ในปีหน้า
อย่างไรก็ตาม หลู่ เว่ยปิง ได้ปัดข้อสงสัยดังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นเมื่อวานนี้ พร้อมยืนยันว่า Xiaomi 18 Pro และ Xiaomi 18 Pro Max จะยังคงมาพร้อมกับหน้าจอด้านหลังเช่นเดียวกัน โดย เสียวหมี่ ไม่เพียงแต่จะยังคงใช้เทคโนโลยีนี้ต่อไป แต่ยังเตรียมเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อเพิ่มประโยชน์การใช้งานด้วยฟีเจอร์ซอฟต์แวร์ใหม่ๆ อีกด้วย
แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมเปิดเผยว่า เสียวหมี่ ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1 พันล้านหยวน (ประมาณ 4.9 พันล้านบาท) ในการพัฒนาหน้าจอ LTPO AMOLED ขนาด 2.1 นิ้ว สำหรับ Xiaomi 17 Pro และ 17 Pro Max ซึ่งนวัตกรรมดังกล่าวได้ช่วยให้บริษัทสามารถทำลายสถิติยอดขายในช่วง 5 นาทีแรกของการวางจำหน่าย และยังสามารถจัดส่งเครื่องได้ถึง 1 ล้านเครื่องในเวลาอันรวดเร็วเป็นประวัติการณ์
จากข้อมูลการขายเบื้องต้นพบว่า ยอดขายโดยรวมของซีรีส์ Xiaomi 17 เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ขณะที่รุ่น Pro มียอดขายพุ่งสูงขึ้นถึงสามเท่าเมื่อเทียบกับ Xiaomi 15 Pro ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคต่อนวัตกรรมจอคู่
ทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์ หลู่ เผยว่า หนึ่งในฟีเจอร์ใหม่ที่กำลังจะมาถึงสำหรับหน้าจอด้านหลังคือฟังก์ชันการแปลภาษาแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะถูกปล่อยมาพร้อมกับการอัปเดตระบบในช่วงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ โดย เสียวหมี่ มีแผนที่จะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่สำหรับจอหลังทุกๆ เดือน เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งานให้กับผู้ใช้อย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีมองว่า การตัดสินใจของ เสียวหมี่ ในการยืนยันการใช้เทคโนโลยีจอหลังต่อเนื่องในรุ่นถัดไปนั้น สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของบริษัทที่มีต่อนวัตกรรมนี้ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของเทรนด์ใหม่ในวงการสมาร์ทโฟนที่จะได้เห็นผู้ผลิตรายอื่นๆ ตามมาในอนาคตอันใกล้
อ้างอิง | Gsmarena.com