
Brother แบรนด์โซลูชันการพิมพ์จากญี่ปุ่น ยืนหยัดในตำแหน่งผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล Direct-to-Garment (DTG) ในประเทศไทยต่อเนื่อง 4 ปีซ้อน ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80% ในปี 2567 และยอดขายเติบโตคิดเป็น 3.5% ของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ผ้า
โดยเครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล Brother GTX ตอบโจทย์ผู้ประกอบการแฟชั่นรายเล็กและรายกลางที่ต้องการลดต้นทุน ปรับขนาดการผลิตได้ยืดหยุ่น และสร้างแบรนด์ Custom & Personalization ได้อย่างยั่งยืน
ตอบโจทย์ SMEs แฟชั่นไทยด้วยเทคโนโลยี DTG
นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท บราเดอร์ คอมเมอร์เชี่ยล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการแฟชั่นไทยจำนวนมากเผชิญข้อจำกัดด้านการลงทุนเริ่มต้นที่สูง ความเสี่ยงจากการสต็อกสินค้า และการปรับตัวให้ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Brother จึงพัฒนานวัตกรรมเครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล Direct-to-Garment (เทคโนโลยีการพิมพ์ลงบนเสื้อผ้าโดยตรงแบบดิจิทัล) ภายใต้ชื่อ GTX เพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว

เครื่องพิมพ์ Brother GTX มีจุดเด่นที่ความละเอียดในการพิมพ์สูงถึง 1,200 dpi (dots per inch หรือจำนวนจุดต่อนิ้ว) พร้อมศักยภาพในการพิมพ์บนวัสดุหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด หมวก กระเป๋า หรือรองเท้า มาพร้อมระบบพิมพ์ความเร็วสูงที่เพิ่มประสิทธิภาพได้มากขึ้นถึง 10% อีกทั้งยังคุ้มค่าตามมาตรฐานของ Brother ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถคืนทุนได้ภายใน 1 ปี
ความโดดเด่นของระบบ GTX คือการให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ด้วยเครื่องเดียวเพื่อทดลองตลาด แล้วค่อยขยายกำลังการผลิตได้อย่างยืดหยุ่นตามความต้องการ ซึ่งเป็นคำตอบสำหรับธุรกิจรายเล็กถึงกลางที่ต้องการเริ่มต้นในตลาด Custom & Personalization (การปรับแต่งสินค้าตามความต้องการเฉพาะบุคคล) อย่างมั่นคงและยั่งยืน
ผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์ผ้าดิจิทัลในไทยตั้งแต่ปี 2021
ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ Brother ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องพิมพ์แบบ Direct-to-Garment ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2021 จนถึงปัจจุบัน โดยล่าสุดยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80% ในปี 2567 แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจจากผู้ประกอบการในประเทศ
นอกจากประสิทธิภาพด้านการผลิต เครื่องพิมพ์ผ้าระบบดิจิทัล GTX ยังโดดเด่นด้วยการออกแบบเพื่อการใช้งานที่คุ้มค่าและยั่งยืน หัวพิมพ์รุ่นใหม่มาพร้อมกับระบบไหลเวียนหมึกในตัว ช่วยลดการสะสมตะกอนหมึก ลดค่าใช้จ่ายด้านการดูแลรักษา และยืดอายุการใช้งานเครื่องได้มากขึ้น อีกทั้งยังใช้หมึก Innobella Textile ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลทั้ง OEKO-TEX และ GOTS 5.0 ตอบรับกระแสแฟชั่นยั่งยืนที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์ระดับโลก
3 กลุ่มผู้ประกอบการหลักที่เลือกใช้ Brother GTX
ปัจจุบันผู้ประกอบการที่นิยมใช้เครื่องพิมพ์ Brother GTX สามารถแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มแรกคือร้านค้าที่เป็นผู้ผลิตรับผลิตเสื้อตามคำสั่งซื้อของลูกค้า กลุ่มที่สองคือร้านค้าที่เป็นทั้งผู้ออกแบบลาย ผลิตเสื้อ และขายไปยังผู้ซื้อโดยตรง และกลุ่มที่สามคือแบรนด์ชั้นนำด้านแฟชั่นและสปอร์ตแฟชั่น

นายกิตติพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า Brother ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตเครื่องพิมพ์ แต่มุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เติบโตไปพร้อมกับลูกค้า โดย GTX เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญที่สะท้อนถึงนวัตกรรมและความตั้งใจในการสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างแท้จริง ทั้งนี้ตั้งเป้าการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องพิมพ์ผ้า 28% ภายในปี 2025
บริษัทมั่นใจว่าการสนับสนุนผู้ประกอบการด้วยสินค้าที่ดี มีบริการหลังการขาย การให้คำปรึกษาด้านธุรกิจ และการถ่ายทอดความรู้เชิงเทคนิค จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการแฟชั่นไทยสามารถต่อยอดธุรกิจในตลาด Custom & Personalization ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ตามปณิธาน “At Your Side” ที่หมายถึงการอยู่เคียงข้างและร่วมพัฒนาธุรกิจไปพร้อมกับลูกค้า
ผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและผลิตภัณฑ์ของ Brother เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.brother.co.th รวมถึงช่องทาง Facebook, TikTok, YouTube, Instagram, X และ Line Official: Brother Thailand