iPad Pro ใหม่มาพร้อมประสบการณ์การยกปลาย Apple Pencil ที่เหนือไปอีกขั้น, การถ่ายภาพวิดีโอ ProRes, Wi-Fi 6E ที่เร็วสุดแรง และคุณสมบัติที่ทรงประสิทธิภาพใน iPadOS 16

วันนี้ Apple เปิดตัว iPad Pro ใหม่พร้อมชิป M2 มอบความเป็นที่สุดแห่งการผสานความสะดวกในการพกพา ความอเนกประสงค์ และประสิทธิภาพอันเหลือเชื่อรวมไว้ด้วยกัน โดย iPad Pro ใหม่มาพร้อมประสบการณ์การยกปลาย Apple Pencil ที่เหนือไปอีกขั้น และการเชื่อมต่อแบบไร้สายที่เร็วสุดแรง เคียงคู่ไปกับจอภาพบนอุปกรณ์พกพาอันล้ำหน้าที่สุดในโลก, กล้องระดับโปร, Face ID, Thunderbolt และระบบเสียง 4 ลำโพง คุณสมบัติใหม่ใน iPadOS 16 อาทิ คุณสมบัติตัวจัดการให้อยู่ตรงกลาง การรองรับจอภาพภายนอกอย่างสมบูรณ์1 แอประดับเดสก์ท็อป และโหมดการอ้างอิง ทำให้เวิร์กโฟลว์ระดับโปรบน iPad เหนือชั้นไปอีกขั้น และด้วยฮาร์ดแวร์สุดล้ำและ iPadOS 16 ทำให้ iPad Pro มีระบบนิเวศน์ของแอประดับโปรอันทรงพลังอย่างเหนือชั้นซึ่งแตกต่างจากอุปกรณ์อื่นในประเภทเดียวกัน ทั้งนี้ iPad Pro ใหม่พร้อมให้สั่งซื้อแล้ววันนี้ และจะวางจำหน่ายในร้านตั้งแต่วันพุธที่ 26 ตุลาคม เป็นต้นไป

iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว , iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วใหม่

“iPad Pro เจเนอเรชั่นถัดไปสร้างนิยามใหม่แห่งความเป็นไปได้บน iPad โดยมอบสุดยอดประสบการณ์ iPad ที่อเนกประสงค์ ทรงประสิทธิภาพ และพกพาสะดวกยิ่งขึ้นกว่าที่เคย” Greg Joswiak รองประธานอาวุโสฝ่าย Worldwide Marketing ของ Apple กล่าว “ด้วยขุมพลังจากชิป M2 ทำให้ iPad Pro ใหม่มาพร้อมประสิทธิภาพสุดล้ำและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด ซึ่งรวมถึงประสบการณ์การยกปลาย Apple Pencil ที่เหนือไปอีกขั้น, การถ่ายภาพวิดีโอ ProRes, การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่เร็วสุดแรง และคุณสมบัติของ iPadOS 16 ที่ทรงประสิทธิภาพ เรียกว่าไม่มีอุปกรณ์อื่นใดที่เทียบได้”

iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว , iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วใหม่

ประสิทธิภาพสุดล้ำจากชิป M2

ชิป M2 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นเจเนอเรชั่นถัดไปสำหรับชิปตระกูล M ของ Apple มอบประสิทธิภาพและความสามารถสุดล้ำที่มากขึ้นให้แก่ iPad Pro โดยมาพร้อมการประหยัดพลังงานชั้นแนวหน้าของวงการ สถาปัตยกรรมหน่วยความจำแบบรวม และเทคโนโลยีแบบเฉพาะ

ชิป M2 มาพร้อม CPU แบบ 8-core ซึ่งเร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 15% ที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้นทั้งคอร์ด้านประสิทธิภาพและคอร์ด้านประหยัดพลังงาน และ GPU แบบ 10-core ที่ให้ประสิทธิภาพด้านกราฟิกเร็วขึ้นสูงสุด 35% สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการพลังการประมวลผลอย่างหนักหน่วงที่สุด อีกทั้งยังมี Neural Engine แบบ 16-core ที่ทำงานร่วมกับ CPU และ GPU ซึ่งสามารถประมวลผลได้สูงสุด 15.8 ล้านล้านรายการต่อวินาที หรือมากกว่าชิป M1 เกิน 40% ทำให้ iPad Pro ทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีกขั้นเมื่อต้องจัดการกับงานด้านการเรียนรู้ของระบบ นอกจากนี้ชิป M2 ยังมาพร้อมแบนด์วิดท์หน่วยความจำแบบรวม 100GB/s ซึ่งมากกว่าชิป M1 ถึง 50% และรองรับหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วได้สูงสุด 16GB ช่วยให้การทำงานแบบมัลติทาสก์และการทำงานกับชิ้นงานใหญ่ๆ ลื่นไหลสุดๆ

ประสิทธิภาพของชิป M2 ยังช่วยติดเทอร์โบให้กับเวิร์กโฟลว์ที่ต้องใช้พลังประมวลผลมากที่สุด ตั้งแต่ช่างภาพที่ต้องปรับแต่งคลังรูปภาพจำนวนมหาศาลและนักออกแบบที่ต้องจัดการกับวัตถุ 3D อันซับซ้อน ไปจนถึงบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องถ่ายภาพและวิเคราะห์ขั้นสูง หรือแม้แต่เกมเมอร์ที่ต้องการเพลิดเพลินกับเกมที่มีกราฟิกสวยงามสมจริง ขุมพลังของชิป M2 ยังครอบคลุมถึงมีเดียเอนจิ้นใหม่และโปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพ ซึ่งผสานการทำงานกับกล้องสุดล้ำ ทำให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอ ProRes ได้เป็นครั้งแรกและแปลงฟุตเทจ ProRes ได้เร็วสูงสุดถึง 3 เท่า นั่นหมายถึงนักสร้างคอนเทนต์จะสามารถถ่าย ปรับแต่ง และเผยแพร่วิดีโอระดับโรงภาพยนตร์ได้จากอุปกรณ์เครื่องเดียวไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม

ประสบการณ์การยกปลาย Apple Pencil ที่เหนือไปอีกขั้น

ด้วยขุมพลังของ iPad Pro ใหม่และ iPadOS 16 ทำให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับหน้าจอได้ในมิติใหม่ผ่านการยกปลาย Apple Pencil (รุ่นที่ 2) โดยตอนนี้ Apple Pencil สามารถตรวจจับเหนือจอภาพได้ถึง 12 มม. ช่วยให้ผู้ใช้เห็นตัวอย่างเครื่องหมายก่อนที่จะขีดเขียน ทำให้สเก็ตช์และวาดได้แม่นยำยิ่งขึ้น และทุกอย่างที่ทำด้วย Apple Pencil ก็สะดวกกว่าที่เคย เช่น เมื่อใช้กับ Scribble ช่องข้อความจะขยายขนาดโดยอัตโนมัติเมื่อ Apple Pencil ขยับเข้าใกล้หน้าจอ และแปลงลายมือให้เป็นข้อความได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนี้แอปของบริษัทอื่นยังได้ประโยชน์จากคุณสมบัติใหม่ดังกล่าวที่ช่วยมอบประสบการณ์ด้านการทำเครื่องหมายและการวาดภาพแบบใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

การเชื่อมต่อแบบไร้สายที่เร็วสุดแรง

iPad Pro ใหม่รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่เร็วที่สุดผ่าน Wi-Fi 6E3 ดังนั้นผู้ใช้ที่ต้องการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วจึงสามารถนำเวิร์กโฟลว์ที่ต้องใช้พลังประมวลผลมากที่สุดติดตัวไปได้ทุกที่ โดยดาวน์โหลดได้สูงสุดถึง 2.4Gb/s ซึ่งเร็วกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular พร้อม 5G (sub-6GHz และ mmWave4) ตอนนี้รองรับเครือข่าย 5G ทั่วโลกมากขึ้น ดังนั้นผู้ใช้จึงเข้าถึงไฟล์ ติดต่อกับเพื่อนร่วมงาน และสำรองข้อมูลได้เร็วทันใจแม้อยู่ระหว่างเดินทาง

คุณสมบัติระดับโปรแบบไม่มีใครเทียบได้ที่เป็นจริงได้ด้วย iPadOS 16

 นอกจากการอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับแอปข้อความ เครื่องมือใหม่ในแอปเมลและ Safari แอปสภาพอากาศใหม่ และวิธีเพิ่มเติมในการโต้ตอบกับรูปภาพและวิดีโอด้วยคุณสมบัติข้อความในภาพและค้นดูจากภาพ iPadOS 16 ยังมาพร้อมคุณสมบัติด้านการทำงานที่ทรงประสิทธิภาพซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์บน iPad Pro ได้แก่

  • คุณสมบัติตัวจัดการให้อยู่ตรงกลางถือเป็นความสามารถด้านงานมัลติทาสก์แบบใหม่ทั้งหมดซึ่งจะช่วยจัดระเบียบแอปและหน้าต่างให้โดยอัตโนมัติ ทำให้การสลับไปมาระหว่างงานเป็นไปได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยภายในปีนี้คุณสมบัติตัวจัดการให้อยู่ตรงกลางจะปลดล็อคการรองรับจอภาพภายนอกอย่างสมบูรณ์ด้วยความละเอียดสูงถึง 6K ดังนั้นผู้ใช้จึงสามารถจัดพื้นที่ทำงานได้อย่างถูกใจ และยังทำงานกับแอปได้ถึง 4 ตัวบน iPad และอีกสูงสุด 4 ตัวบนจอภาพภายนอก
  • แอประดับเดสก์ท็อปมอบความสามารถใหม่ๆ ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับจอภาพ iPad Pro มากที่สุด ทำให้แอปทำอะไรๆ ได้มากขึ้นกับองค์ประกอบและการโต้ตอบใหม่ๆ อาทิ ความสามารถในการเลิกทำและทำกลับมาใหม่ที่ใช้ได้ทั่วถึง ความสามารถในการค้นหาและแทนที่ซึ่งออกแบบใหม่ แถบเครื่องมือที่ปรับแต่งได้ ความสามารถในการเปลี่ยนนามสกุลไฟล์และการดูขนาดโฟลเดอร์ในแอปไฟล์ และอีกมากมาย
  • โหมดการอ้างอิงทำให้ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ที่มีจอภาพ Liquid Retina XDR สามารถจัดการเรื่องสีในเวิร์กโฟลว์ได้ตามต้องการ เช่น การตรวจสอบและอนุมัติ รวมถึงการปรับโทนสีและการจัดองค์ประกอบ ซึ่งสีสันที่ถูกต้องและคุณภาพของภาพที่แน่นอนถือเป็นเรื่องสำคัญ นั่นหมายถึงผู้ใช้ระดับโปร อาทิ ช่างภาพนิ่งและช่างภาพวิดีโอสามารถปรับแต่งภาพและวิดีโอ HDR ให้สมจริงในทุกรายละเอียดได้จากอุปกรณ์พกพาของตัวเอง และนักถ่ายทำภาพยนตร์ก็สามารถดูตัวอย่างคอนเทนต์ในโปรไฟล์สีที่ถ่ายทอดให้เป็นผลงานถ่ายทำจริงได้จากนอกสถานที่

iPad กับสิ่งแวดล้อม

iPad Pro รุ่นใหม่ได้รับการออกแบบมาให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด และใช้ทองคำที่ผ่านการรีไซเคิล 100% ในการเคลือบแผงวงจรพิมพ์หลายชิ้น ซึ่งเป็นครั้งแรกสำหรับ iPad และยังใช้อะลูมิเนียม ดีบุก และแร่โลหะหายากที่ผ่านการรีไซเคิลด้วย iPad ทุกรุ่นเป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงของ Apple ในด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และยังปลอดสารปรอท, BFR, PVC และเบริลเลียม บรรจุภัณฑ์ที่ออกแบบใหม่ของ iPad Pro ใหม่เลิกใช้พลาสติกหุ้มชั้นนอก และบรรจุภัณฑ์ 99% ใช้เยื่อไม้เป็นหลัก จึงทำให้ Apple เข้าใกล้เป้าหมายของบริษัทมากยิ่งขึ้น นั่นคือการเลิกใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดภายในปี 2025

วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด นั่นหมายความว่าอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่องที่จำหน่ายจะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อสภาพภูมิอากาศ ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วน การประกอบ การขนส่ง การใช้งานของลูกค้า การชาร์จ ตลอดจนการรีไซเคิลและการคัดแยกวัสดุ

ราคาและความพร้อมในการวางจำหน่าย

  • iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 12.9 นิ้วใหม่ มีให้เลือกทั้งสีเงินและสีเทาสเปซเกรย์ โดยมีความจุ 128GB, 256GB, 512GB, 1TB และ 2TB
  • iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 32,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 38,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ส่วน iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 44,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 50,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular
  • Apple Pencil (รุ่นที่ 2) ที่สามารถใช้งานร่วมกับ iPad Pro ใหม่มีวางจำหน่ายแยกต่างหากในราคา 4,990 บาท
  • Magic Keyboard สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่มีวางจำหน่ายในสีดำและสีขาวในราคา 11,900 บาท และสำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วใหม่ในราคา 13,990 บาท ซึ่งมาพร้อมเลย์เอาท์กว่า 30 ภาษา
  • Smart Keyboard Folio สำหรับ iPad Pro มีวางจำหน่ายในราคา 6,990 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่ และ 13,990 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วใหม่
  • Smart Folio มีวางจำหน่ายในสีดำ สีขาว และสีมารีนบลูในราคา 3,390 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่ และ 4,190 บาท iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้วใหม่
  • ราคาส่งเสริมการศึกษาสามารถใช้ได้กับนักศึกษาที่กำลังศึกษาหรือเพิ่งเข้าศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและผู้ปกครอง รวมถึงอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และผู้สอนแบบโฮมสคูลในทุกระดับ โดย iPad Pro รุ่น 11 นิ้วใหม่ราคาเริ่มต้นที่ 30,800 บาท และ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ราคาเริ่มต้นที่ 36,900 บาท ส่วน Apple Pencil รุ่นที่ 2 มีวางจำหน่ายในราคา 4,569 บาท และ Smart Keyboard Folio มีวางจำหน่ายในราคา 6,209 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 6,829 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ด้าน Magic Keyboard มีวางจำหน่ายในราคา 11,189 บาท สำหรับ iPad Pro รุ่น 11 นิ้ว และ 13,139 บาท (US) สำหรับ iPad Pro รุ่น 12.9 นิ้ว ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ apple.com/th-edu/shop
  • iPadOS 16 ระบบปฏิบัติการทรงพลังที่ออกแบบมาเพื่อ iPad โดยเฉพาะ จะเปิดให้ใช้งานตั้งแต่วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม และจะมีมาให้ฟรีในเครื่องพร้อมกับ iPad Pro ใหม่ โดย iPadOS 16 จะเปิดให้ใช้งานในรูปแบบของการอัปเดตซอฟต์แวร์ฟรีสำหรับ iPad (รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า), iPad mini (รุ่นที่ 5 และใหม่กว่า), iPad Air (รุ่นที่ 3 และใหม่กว่า) และ iPad Pro ทุกรุ่น
  • ลูกค้าสามารถนำ iPad เครื่องปัจจุบันมาแลก เพื่อรับเครดิตสำหรับใช้ซื้อเครื่องใหม่ได้ เมื่อ Apple ได้รับและตรวจสอบอุปกรณ์แล้ว เราจะคืนเครดิตให้ลูกค้าผ่านทางวิธีการชำระเงินที่ลูกค้าเลือก
  • สลักอิโมจิ ชื่อ ตัวย่อ และตัวเลขที่ผสมกันอย่างสื่อความหมายลงบน iPad ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เฉพาะที่ apple.com/th/store หรือในแอป Apple Store เท่านั้น
  • Apple มีบริการหลายประเภทให้แก่ลูกค้าทั้งในร้านและทางออนไลน์ ทั้งความช่วยเหลือและคำแนะนำเฉพาะสำหรับลูกค้าแต่ละรายจาก Apple Specialists จนถึงบริการจัดส่งและรับสินค้าที่ร้านที่สะดวกสบาย ทั้งหมดนี้ก็เพราะ Apple ตั้งใจให้ Apple Store และ apple.com/th/store เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการซื้อผลิตภัณฑ์ Apple นั่นเอง
SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
เปิดตัว “TicWatch Pro” อย่างเป็นทางการแล้ว
เปิดตัวฟัง “Sennheiser IE 900” หรูหราในราคาเกือบครึ่งแสน
เปิดตัวหูฟังไร้สาย Mi True Wireless Earphones ขยับได้ทุกท่วงท่าแบบไร้สาย

Leave Your Reply

*