News PR

เสียวหมี่ทำผลงานปี 2567 ทุบสถิติรายรับ 365.9 พันล้านหยวน พร้อมปักธงตลาดอัลตร้าพรีเมียมด้วย Xiaomi 15 Ultra และ SU7 Ultra

เสียวหมี่ ฉลองความสำเร็จปี 2567 ด้วยยอดรายรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 365.9 พันล้านหยวน พร้อมรุกตลาดระดับอัลตร้าพรีเมียมด้วยผลิตภัณฑ์เรือธง

ความสำเร็จของ เสียวหมี่ คอร์เปอเรชัน (Xiaomi Corporation) ในปี 2567 ไม่เพียงแค่การทำลายสถิติด้านรายได้เท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันความสำเร็จของกลยุทธ์ระบบนิเวศอัจฉริยะ “Human x Car x Home” ที่บริษัทได้วางไว้อย่างชัดเจน ผลประกอบการประจำปีล่าสุดที่เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาสที่ 4 ที่สามารถทำรายได้ทะลุ 100 พันล้านหยวนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท

ผลการดำเนินงานของ เสียวหมี่ ในปี 2567 สร้างความประทับใจให้กับนักวิเคราะห์ตลาด ด้วยรายรับรวมที่เพิ่มขึ้น 35.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 365.9 พันล้านหยวน และกำไรสุทธิที่ปรับแล้วเพิ่มขึ้น 41.3% เป็น 27.2 พันล้านหยวน ในไตรมาส 4 ปี 2567 เพียงไตรมาสเดียว บริษัทสามารถทำรายได้รวมสูงถึง 109 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 48.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมกำไรสุทธิที่ปรับแล้วพุ่งสูงขึ้น 69.4% เป็น 8.3 พันล้านหยวน ซึ่งเกินความคาดหมายของตลาดอย่างมาก

ธุรกิจสมาร์ทโฟนยังคงเป็นเสาหลักของการเติบโต

ในปี 2567 รายได้จากธุรกิจสมาร์ทโฟนของ เสียวหมี่ เติบโตขึ้น 21.8% เป็น 191.8 พันล้านหยวน โดยมียอดจัดส่งสมาร์ทโฟนทั่วโลกรวม 168.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้น 15.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ เสียวหมี่ กลายเป็นผู้ผลักดันการเติบโตในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนที่สำคัญที่สุด ตามรายงานจาก Canalys บริษัทวิจัยด้านเทคโนโลยีชั้นนำ เสียวหมี่ สามารถรักษาตำแหน่งในสามอันดับแรกของแบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำระดับโลกติดต่อกันมาแล้ว 18 ไตรมาส ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 13.8%

ในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนแบ่งการตลาดของ เสียวหมี่ ในไตรมาส 4 ปี 2567 เพิ่มขึ้น 3.0 จุดเปอร์เซ็นต์มาอยู่ที่ 15.8% ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกัน นอกจากนี้ เสียวหมี่ ยังประสบความสำเร็จอย่างมากในกลยุทธ์การทำตลาดระดับพรีเมียม (premiumization) โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มสมาร์ทโฟนราคา 3,000 หยวนขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 23.3% ส่วนแบ่งในกลุ่มราคา 4,000 ถึง 5,000 หยวนเพิ่มขึ้นเป็น 24.3% จนขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่ง และส่วนแบ่งในกลุ่มราคา 5,000 ถึง 6,000 หยวนเพิ่มขึ้นเป็น 9.7% เพิ่มขึ้น 1.3 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า

รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ: ตัวเร่งการเติบโตแห่งอนาคต

ความสำเร็จที่น่าประทับใจอีกด้านคือการเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะของ เสียวหมี่ โดย Xiaomi SU7 Series ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะรุ่นแรกของบริษัท ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มียอดส่งมอบรวม 136,854 คันภายในเวลาเพียง 9 เดือนหลังจากการเปิดตัว โดยรายได้จากธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะและโครงการริเริ่มใหม่อื่นๆ ในปี 2567 อยู่ที่ 32.8 พันล้านหยวน และเฉพาะในไตรมาส 4 เพียงไตรมาสเดียวมีรายได้สูงถึง 16.7 พันล้านหยวน พร้อมยอดส่งมอบรถยนต์กว่า 69,697 คัน ซึ่งเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้

รถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ Xiaomi SU7 Series ได้รับความนิยมอย่างมากโดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้เพศหญิงและผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ Apple ช่วยขยายฐานลูกค้าและเสริมสร้างภาพลักษณ์ความเป็นแบรนด์พรีเมียมของ เสียวหมี่ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2568 บริษัทได้ก้าวสู่ตลาดอัลตร้าพรีเมียมอย่างเต็มตัวด้วยการเปิดตัว Xiaomi SU7 Ultra เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลามด้วยยอดสั่งซื้อล่วงหน้ากว่า 19,000 คัน และยอดสั่งซื้อแบบล็อคอินเกิน 10,000 คันภายในเพียง 3 วันแรกหลังการเปิดตัว ทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายประจำปีได้ก่อนกำหนด โดย เสียวหมี่ ตั้งเป้าที่จะส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ 350,000 คันในปี 2568

ณ สิ้นปี 2567 เสียวหมี่ ได้เปิดศูนย์จำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะกว่า 200 แห่งใน 58 เมืองทั่วจีนแผ่นดินใหญ่ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการขยายเครือข่ายจัดจำหน่ายอย่างรวดเร็ว

ธุรกิจ IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ทำสถิติใหม่

ธุรกิจ IoT และผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ของ เสียวหมี่ ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยทำรายได้ทะลุ 100 พันล้านหยวนเป็นครั้งแรกในปี 2567 ด้วยรายได้ 104.1 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 30.0% จากปีก่อนหน้า พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นที่ 20.3% ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดทั้งในด้านรายได้และอัตรากำไร

เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดใหญ่ภายในบ้านยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยในปี 2567 รายได้เพิ่มขึ้น 56.4% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มียอดจัดส่งเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% เป็น 6.8 ล้านเครื่อง ยอดจัดส่งตู้เย็นเพิ่มขึ้นมากกว่า 30% เป็น 2.7 ล้านเครื่อง และยอดจัดส่งเครื่องซักผ้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 45% เป็น 1.9 ล้านเครื่อง ทั้งหมดนี้เป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ของบริษัท

ในตลาดแท็บเล็ต เสียวหมี่ มียอดจัดส่งทั่วโลกเติบโตขึ้น 73.1% สามารถรักษาตำแหน่งแบรนด์อันดับ 5 ของโลกและอันดับ 3 ในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนสายรัดข้อมือแบบสวมใส่ (wearables) ยังคงครองอันดับ 2 ของโลกและในจีนแผ่นดินใหญ่ และหูฟัง TWS (True Wireless Stereo) ขึ้นเป็นอันดับ 1 ในจีนแผ่นดินใหญ่

ในปี 2568 เสียวหมี่ ได้ก้าวเข้าสู่ตลาดอัลตร้าพรีเมียมของเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะขนาดใหญ่ภายในบ้านอย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศเรือธงรุ่น Mijia Central Air Conditioner Pro ที่ออกแบบมาเพื่อท้าทายมาตรฐานของอุตสาหกรรม

บริการอินเทอร์เน็ตยังคงเติบโตอย่างมั่นคง

ธุรกิจบริการอินเทอร์เน็ตของ เสียวหมี่ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 13.3% เป็น 34.1 พันล้านหยวน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเช่นกัน พร้อมอัตรากำไรขั้นต้นที่ 76.6% เพิ่มขึ้น 2.5 จุดเปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า

ฐานผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของ เสียวหมี่ ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนธันวาคม 2567 จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือน (Monthly Active Users – MAU) ทั่วโลกทะลุ 700 ล้านรายเป็นครั้งแรก เพิ่มขึ้น 9.5% จากปีก่อนหน้า ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานต่อเดือนในจีนแผ่นดินใหญ่แตะ 172.9 ล้านราย เพิ่มขึ้น 11.1%

การลงทุนด้านเทคโนโลยี AI และการวิจัยและพัฒนา

ความสำเร็จของ เสียวหมี่ ในด้านกลยุทธ์การทำตลาดระดับพรีเมียมได้รับแรงสนับสนุนจากความสามารถในการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่ง ในปี 2567 บริษัทมีค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มขึ้น 25.9% เป็น 24.1 พันล้านหยวน พร้อมบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาทั้งหมด 21,190 คน ณ สิ้นปี 2567 เสียวหมี่ ได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 42,000 ฉบับทั่วโลก รวมถึงสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 ฉบับในด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ

AI เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่ เสียวหมี่ ลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ในเดือนตุลาคม 2567 บริษัทได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 ซึ่งมีเทคโนโลยีหลัก 3 ประการ ได้แก่ HyperCore, HyperConnect และ HyperAI เพื่อมอบประสบการณ์การเชื่อมต่ออัจฉริยะข้ามอุปกรณ์และฟังก์ชัน AI ขั้นสูง เสียวหมี่ กำลังบูรณาการเทคโนโลยี AI เข้ากับระบบปฏิบัติการ Xiaomi HyperOS 2 โดยนำไปใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ สมาร์ทโฟน และอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกลยุทธ์ “Human × Car × Home” และกระตุ้นการเติบโตในสามตลาดหลักของระบบนิเวศ

เส้นทางอันรุ่งโรจน์ของ เสียวหมี่ ในปี 2567 และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์อัลตร้าพรีเมียมในต้นปี 2568 ไม่เพียงตอกย้ำความสำเร็จของกลยุทธ์ “Human × Car × Home” แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างระบบนิเวศที่ครอบคลุมและมีความเชื่อมโยงมากขึ้น โดยมีเทคโนโลยี AI เป็นแกนหลัก ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งนี้ช่วยเสริมตำแหน่งของ เสียวหมี่ ในฐานะผู้เล่นสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก ที่พร้อมท้าทายแบรนด์ชั้นนำในทุกหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
AIS และ ไปรษณีย์ไทย ร่วมมอบความห่วงใย แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย ด้วย สเปเชียล เดอะ วัน ซิม
คุณสามารถเป็นเจ้าของ Samsung Galaxy M02 ได้แล้ววัน นี้
OPPO ใจดี ปล่อยโปรโมชั่นใหม่ล่าสุด OPPO A83 คุ้มค่ามากกว่า ในราคาที่เบาลง

Leave Your Reply

*