OPPO แบรนด์สมาร์ตโฟนชั้นนำระดับโลก ได้เปิดเผยความก้าวหน้าด้านปัญญาประดิษฐ์บนอุปกรณ์ (On-Device AI) ในงาน Snapdragon Summit 2025 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 โดยสร้างสถิติใหม่ให้กับวงการสมาร์ตโฟนด้วยความเร็วในการประมวลผลที่ไม่เคยมีมาก่อน
การสาธิตครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการประมวลผล AI บนชิปเซ็ต Snapdragon 8 Elite Gen 5 รุ่นล่าสุด ซึ่ง OPPO พัฒนาร่วมกับ Qualcomm Technologies, Inc. โดยสามารถประมวลผลได้มากกว่า 200 โทเคนต่อวินาที นับเป็นความเร็วสูงสุดที่มีการประกาศในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนในปัจจุบัน ความสำเร็จนี้เกิดจากความร่วมมือในการพัฒนาสถาปัตยกรรมการถอดรหัสแบบขนาน (Parallel Decoding Architecture) ซึ่งทำให้ความเร็วในการถอดรหัสเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ด้วยประสิทธิภาพดังกล่าว ระบบสามารถสร้างข้อความได้เต็มหน้าจอภายในเวลาไม่ถึงสองวินาที ทำให้การใช้งานแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ เช่น การแปลข้อความหลายย่อหน้าและการสร้างเนื้อหา มีความหน่วงที่เทียบเท่ากับบริการบนคลาวด์ แต่ทำงานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพบนตัวเครื่องโดยตรง
นอกจากความเร็วที่น่าทึ่งแล้ว OPPO ยังโชว์ความสามารถในการจัดการบริบทขนาดใหญ่บนอุปกรณ์ โดยรองรับความยาวบริบทสูงสุดถึง 128K โทเคน หรือเทียบเท่ากับประมาณ 200,000 คำ ซึ่งหมายความว่าระบบสามารถวิเคราะห์เอกสารได้ถึง 300 หน้าทั้งหมดบนตัวสมาร์ตโฟน ฟีเจอร์นี้ทำได้ด้วยเทคโนโลยีเร่งบริบทความยาว (Long Context Acceleration) ที่ OPPO พัฒนาขึ้นเอง ทำให้สามารถตีความเอกสารขนาดใหญ่โดยไม่ต้องพึ่งพาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหรือบริการคลาวด์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับมืออาชีพในสายงานกฎหมายและแพทย์ที่ต้องวิเคราะห์เอกสารซับซ้อน พร้อมทั้งรับประกันความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากข้อมูลที่ละเอียดอ่อนทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์โดยไม่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก
นวัตกรรมเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ AI แบบไฮบริด (Hybrid AI) ของ OPPO ซึ่งเป็นการรวมจุดแข็งของการประมวลผลบนอุปกรณ์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูง เข้ากับความจุและความสามารถของบริการบนคลาวด์อย่างมีกลยุทธ์ ด้วยการซิงโครไนซ์การพัฒนา AI บนอุปกรณ์กับการอัปเดตระบบปฏิบัติการ บริษัทรับประกันว่าจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในด้านความเร็ว ความสามารถ และความปลอดภัย แนวทางนี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากทั้งสองโลก โดย AI บนอุปกรณ์จะดูแลงานที่ต้องการความเร็วและความเป็นส่วนตัว ขณะที่ AI บนคลาวด์จะรองรับงานที่ซับซ้อนและต้องการทรัพยากรการประมวลผลสูง
ที่น่าสนใจคือ OPPO กำลังร่วมมือกับ Qualcomm Technologies และพันธมิตรในอุตสาหกรรมเพื่อเร่งการพัฒนาและนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานจริง ด้วยการสร้างรากฐานสำหรับ Agentic AI ซึ่งเป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตัดสินใจและดำเนินการแทนผู้ใช้ได้เอง และการนำเสนอระบบความรู้ส่วนบุคคลที่ช่วยลดการกระจายตัวของข้อมูล บริษัทส่งมอบประสบการณ์ AI ที่ปรับให้เข้ากับผู้ใช้แต่ละคนได้อย่างลึกซึ้ง ด้วยการปกป้องความเป็นส่วนตัวที่รับรองโดย Private Computing Cloud (PCC) ซึ่งเป็นระบบประมวลผลบนคลาวด์ที่เน้นความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล OPPO ตั้งเป้าหมายที่จะนำประสบการณ์ AI ที่พลิกโฉมไปสู่ผู้ใช้เกือบ 100 ล้านคนทั่วโลกภายในสิ้นปี 2025
การสาธิตในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟนที่กำลังเคลื่อนไปสู่ยุคของ AI ที่ทรงพลัง รวดเร็ว และให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานมากขึ้น ด้วยการผสานเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ล้ำสมัย OPPO พิสูจน์ให้เห็นว่าอนาคตของสมาร์ตโฟนไม่ใช่แค่เป็นเครื่องมือสื่อสาร แต่จะกลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ชาญฉลาดและเข้าใจผู้ใช้อย่างแท้จริง