How To

เผย 20 ฟีเจอร์เด็ด iPhone 17 ที่ทำให้ iPhone 16 ดูล้าสมัยในมันที!

iPhone 17 เปิดตัวในสัปดาห์นี้พร้อมการอัปเกรดหน้าจอขนาดใหญ่ที่สุดสำหรับรุ่นมาตรฐาน (non-Pro) ในรอบหลายปี มาพร้อมการปรับปรุงกล้องครั้งสำคัญ ประสิทธิภาพที่เร็วขึ้น และการเพิ่มขึ้นอย่างมากของอายุแบตเตอรี่

นอกเหนือจากฟีเจอร์หลักเหล่านี้แล้ว iPhone 17 มีการปรับปรุงมากแค่ไหนกันแน่? คู่มือนี้จะแจกแจงความแตกต่างระหว่าง iPhone 16 และ iPhone 17 เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดและตัดสินใจว่าการปรับปรุงเหล่านี้คุ้มค่ากับการเปลี่ยนแปลงหรือไม่

คู่มือนี้มุ่งเน้นการเปรียบเทียบระหว่าง iPhone 17 กับ iPhone 16 หากต้องการทราบการเปรียบเทียบกับ iPhone Air และ iPhone 17 Pro สามารถดูได้ในคู่มือเปรียบเทียบฉบับอื่น

ตารางเปรียบเทียบข้อมูล

การปรับปรุงที่โดดเด่นที่สุดของ iPhone 17 คือการเพิ่มขนาดหน้าจอเป็น 6.3 นิ้วพร้อมเทคโนโลยี ProMotion ที่รองรับอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รุ่นมาตรฐานได้รับฟีเจอร์ระดับ Pro นี้ ความสว่างสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 นิตส์ เพิ่มขึ้น 1,000 นิตส์จากรุ่นเก่า ทำให้มองเห็นได้ชัดเจนแม้ในสภาพแสงแดดจัด พร้อมฟีเจอร์ Always-On Display ที่แสดงข้อมูลสำคัญตลอดเวลา

ชิปประมวลผล A19 ใหม่ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี N3P (3-nanometer Plus) ให้ประสิทธิภาพที่เร็วและประหยัดพลังงานกว่าชิป A18 ของ iPhone 16 โดย GPU ยังคงมี 5 คอร์ แต่เพิ่ม Neural Accelerators เพื่อเร่งการประมวลผล AI และ Machine Learning ให้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

การปรับปรุงด้านแบตเตอรี่ถือเป็นจุดเด่นสำคัญ โดยอายุการใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 22 ชั่วโมงเป็น 30 ชั่วโมง เพิ่มขึ้นถึง 8 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการปรับปรุงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ iPhone รุ่นมาตรฐาน การชาร์จก็เร็วขึ้นเช่นกัน สามารถชาร์จแบตเตอรี่ 50% ในเวลาเพียง 20 นาที (ใช้อะแดปเตอร์ 40W ขึ้นไป) เร็วกว่า iPhone 16 ที่ต้องใช้เวลา 30 นาที

ด้านกล้อง iPhone 17 ได้รับการยกระดับอย่างชัดเจน กล้องหน้าอัปเกรดเป็น 18 เมกะพิกเซล เพิ่มขึ้น 50% จาก 12 เมกะพิกเซลของรุ่นเก่า พร้อมฟีเจอร์การแตะเพื่อซูมและหมุน และ Center Stage ที่ช่วยติดตามใบหน้าในระหว่างการโทรวิดีโออัตโนมัติ กล้อง Ultra Wide ได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่เป็น 48 เมกะพิกเซล เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าจาก 12 เมกะพิกเซล ทำให้ถ่ายภาพมุมกว้างได้คมชัดและรายละเอียดมากกว่าเดิมอย่างมาก

ความทนทานของเครื่องก็ดีขึ้นด้วยหน้าจอ Ceramic Shield 2 ใหม่ที่ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่ารุ่นเก่าถึง 3 เท่า ขณะที่การเชื่อมต่อได้รับการอัปเกรดด้วย Bluetooth 6.0 ที่ให้ความเร็วและเสถียรภาพที่ดีกว่า Bluetooth 5.3 ใน iPhone 16

iPhone 17 ถือเป็นการอัปเกรดที่ค่อนข้างสำคัญเมื่อเทียบปีต่อปี การเปลี่ยนไปใช้หน้าจอขนาดใหญ่ขึ้น 6.3 นิ้วพร้อม ProMotion กล้อง Ultra Wide 48 เมกะพิกเซล อายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น และชิป A19 ใหม่ ทำให้เป็นการอัปเกรดรุ่นพื้นฐาน (base-model) iPhone ที่สำคัญที่สุดในรอบหลายปี ให้คุณค่าที่คุ้มค่าในราคา 799 เหรียญสหรัฐ พร้อมฟีเจอร์ใหม่หลายอย่างที่มีให้ในรุ่นที่แพงกว่าในปีนี้

ผู้ใช้ iPhone 16 ส่วนใหญ่จะสังเกตเห็นความแตกต่างที่มีความหมาย แต่ผู้ที่ใช้ iPhone 14 หรือรุ่นเก่ากว่าจะเห็นการพัฒนาที่ยิ่งใหญ่กว่าอย่างเห็นได้ชัด ผู้ซื้อที่ต้องการ iPhone ทันสมัยพร้อมหน้าจอระดับ Pro และกล้องที่ยอดเยี่ยมในราคาที่ต่ำกว่าควรพิจารณาการอัปเกรดอย่างจริงจัง แต่ผู้ใช้ iPhone 16 ที่พอใจกับเครื่องปัจจุบันอาจรู้สึกว่าไม่มีความเร่งด่วนในการเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดครั้งนี้ถือว่ามีนัยสำคัญพอสมควร

อ้างอิง | Macrumors.com

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
สายฟังเพลงต้องไม่พลาด! OnePlus ส่งท้าชน AirPods Pro 2 แบบไม่กลัวใคร
ลืมรหัสผ่าน Facebook ทำอย่างไร? บทความนี้จะแนะนำวิธีแก้ปัญหาเมื่อลืมรหัสผ่าน Facebook
คำแนะนำในการใช้มือถือใน “วันลอยกระทง” ให้ปลอดภัย

Leave Your Reply

*