
Nothing ประกาศเปิดตัว Phone (3) สมาร์ตโฟนเรือธงที่มาพร้อม Glyph Matrix โฉมใหม่ และ Headphone (1) หูฟังครอบหูรุ่นแรกที่พัฒนาร่วมกับ KEF ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
Nothing Phone (3) ยกระดับประสบการณ์เทคโนโลยีใหม่
Nothing Phone (3) ถือเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงที่แท้จริงจาก Nothing ที่ออกแบบมาเพื่อทำให้เทคโนโลยีกลับมามีความหมายและสนุกสนานมากขึ้น หลังจากใช้เวลาพัฒนานานถึงสองปีเต็ม

นายคาร์ล เพ่ย (Carl Pei) ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Nothing กล่าวว่า “เทคโนโลยีทุกวันนี้เริ่มขาดความแปลกใหม่ สมาร์ตโฟนแต่ละเครื่องแทบจะไม่แตกต่างกันทั้งรูปลักษณ์ ฟังก์ชัน และประสบการณ์การใช้งาน”
Glyph Matrix และฟีเจอร์เด่นที่โดดเด่น
จุดเด่นของ Phone (3) คือ Glyph Matrix รุ่นใหม่ที่ติดตั้งหน้าจอแสดงผลแบบ micro-LED ด้านหลังตัวเครื่อง ช่วยลดการใช้เวลาบนหน้าจอและแสดงข้อมูลสำคัญในเวลาที่เหมาะสม

ฟีเจอร์ Flip to Record ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้เพียงคว่ำหน้าจอโทรศัพท์ลง ก็สามารถเริ่มถอดเสียงและสรุปบทสนทนาอัตโนมัติผ่าน Essential Space โดยไม่ต้องแตะหน้าจอ
สเปกและประสิทธิภาพระดับเรือธง
Phone (3) ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8s Gen 4 รุ่นล่าสุดที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี 4 นาโนเมตร มาพร้อมหน้าจอ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K ความสว่างสูงสุดถึง 4,500 นิต สำหรับการใช้งานภายใต้แสงแดดจัด
กล้องหลักมาพร้อมเซนเซอร์ขนาด 1/1.3 นิ้ว รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด 4K 60fps ด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ Optical เต็มรูปแบบ พร้อมพรีเซ็ตที่พัฒนาร่วมกับช่างภาพมืออาชีพ
แบตเตอรี่แบบซิลิคอน-คาร์บอนขนาด 5,150mAh รองรับ Fast Charge แบบมีสาย 65W และไร้สาย 15W สามารถชาร์จเต็มภายใน 54 นาทีและใช้งานได้นานเกินหนึ่งวันเต็ม
Nothing OS 3.5 ขับเคลื่อนด้วย AI
Nothing OS 3.5 ที่รันบนระบบปฏิบัติการ Android 15 มาพร้อมฟีเจอร์ AI ที่ฝังเข้าไปตั้งแต่แรก ประกอบด้วย Essential Search แถบค้นหาอัจฉริยะ และ Essential Space พื้นที่ศูนย์กลางสำหรับจัดระเบียบไอเดียและเนื้อหาด้วย AI
Nothing รับประกันการอัปเดตระบบปฏิบัติการ Android เวอร์ชันหลักนาน 5 ปี และอัปเดตระบบความปลอดภัยนานถึง 7 ปี
Headphone (1) หูฟังครอบหูรุ่นแรกจาก Nothing
Headphone (1) เป็นหูฟังแบบครอบหูรุ่นแรกของ Nothing ที่พัฒนาร่วมกับ KEF ผู้นำนวัตกรรมด้านเสียงระดับตำนานสัญชาติอังกฤษที่มีประสบการณ์มากว่า 60 ปี

คุณอดัม เบตส์ หัวหน้าทีมออกแบบบริษัท Nothing กล่าวว่า “Headphone (1) ไม่เพียงแต่มอบคุณภาพเสียงอันยอดเยี่ยม แต่ยังมอบความรู้สึกที่แตกต่างตั้งแต่แรกสัมผัส”
คุณภาพเสียงระดับพรีเมียม
หูฟังมาพร้อม Dynamic Driver ขนาด 40 มิลลิเมตรที่ปรับแต่งเพื่อถ่ายทอดคุณภาพเสียงที่เป็นธรรมชาติในทุกรายละเอียด รองรับ Hi-Res Audio, LDAC (Lossless Digital Audio Codec) และ Spatial Audio แบบ 360 องศา

ระบบตัดเสียงรบกวน (ANC) ขั้นสูงมาพร้อมไมโครโฟนคู่แบบ Feedforward และ Feedback ส่วนไมโครโฟน ENC (Environmental Noise Cancellation) 4 ตัวขับเคลื่อนด้วย AI ที่ผ่านการฝึกฝนจากสถานการณ์เสียงรบกวนกว่า 28 ล้านรูปแบบ
ดีไซน์และการใช้งาน
Headphone (1) ใช้ระบบควบคุมแบบสัมผัสจริง (Tactile Controls) ผ่านปุ่ม Roller, Paddle และ Button แทนการใช้จอสัมผัส เพื่อการควบคุมที่แม่นยำและรวดเร็วยิ่งขึ้น
แบตเตอรี่ใช้งานต่อเนื่องได้สูงสุด 35 ชั่วโมงแม้เปิดโหมด ANC การชาร์จเร่งด่วนเพียง 5 นาทีสามารถใช้งานต่อได้ 2.4 ชั่วโมง รองรับ Bluetooth 5.3 และเชื่อมต่อ 2 อุปกรณ์พร้อมกันได้
ฟีเจอร์ Channel Hop ช่วยให้สลับการเล่นเสียงระหว่างแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ทันทีเพียงกดปุ่มเดียว ผ่านแอปพลิเคชัน Nothing X ที่มาพร้อม Advanced EQ แบบ 8 แบนด์
ราคาและการวางจำหน่าย
Phone (3) มีให้เลือก 2 สี คือ Black และ White ใน 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น 12 GB + 256 GB ราคา 27,999 บาท และรุ่น 16 GB + 512 GB ราคา 30,999 บาท
Headphone (1) มี 2 สี เช่นเดียวกันในราคา 8,999 บาท
Limited Drop และการพรีออเดอร์
ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในกลุ่มแรกของโลกที่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งคู่ ผ่าน Limited Drop ที่ Nothing Store (One Bangkok) และ Carnival (CentralWorld) ในวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เวลา 11.00 น.
ผู้ที่สั่งซื้อ Phone (3) จะได้รับสิทธิ Storage Upgrade ฟรีพร้อมของสมนาคุณ Nothing Ear, Nothing Cap และ Nothing Tote Bag ส่วนผู้ซื้อ Headphone (1) จะได้รับ Nothing Headphone Protective Cover ฟรี
การพรีออเดอร์เริ่มวันที่ 26 กรกฎาคม ผ่านร้านค้าตัวแทนจำหน่าย รวมถึง dotlife, Jaymart, Banana, Powerbuy และช่องทางออนไลน์ Lazada, Shopee และ Alottech
Phone (3) รุ่น 16 GB + 512 GB จะเริ่มจัดส่งตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม ส่วนรุ่น 12 GB + 256 GB จะวางจำหน่ายวันที่ 2 สิงหาคม Headphone (1) จะวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการวันที่ 2 สิงหาคมเช่นกัน
บริการหลังการขาย
Nothing ยกระดับบริการหลังการขายด้วยสายด่วนตลอด 24 ชั่วโมง หมายเลข 1800 018 320 รองรับทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมศูนย์บริการ 10 แห่งและจุดรับส่งสินค้าใกล้บ้านตั้งแต่เดือนสิงหาคม
Nothing ก่อตั้งที่กรุงลอนดอนในปี 2020 มุ่งสร้างบริษัทเทคโนโลยีที่แตกต่างด้วยการยึด “ผู้คน”, “การออกแบบ” และ “ความรู้สึกตื่นตาตื่นใจ” เป็นหัวใจสำคัญ ปัจจุบันมีคอมมูนิตี้ผู้ใช้งานกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก และสร้างรายได้สะสมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 4 ปี