Google Gemini เพิ่มความสามารถใหม่ด้วยการเชื่อมโยงประวัติการค้นหาของผู้ใช้เพื่อนำเสนอข้อมูลที่เหมาะสมเฉพาะบุคคลมากขึ้น

วันนี้ Google ประกาศว่า Gemini AI สามารถประมวลผลประวัติการค้นหาของผู้ใช้เพื่อให้คำตอบที่เป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยโมเดล Gemini 2.0 Flash Thinking สามารถเชื่อมต่อกับแอปและบริการต่างๆ ของ Google เพื่อปรับแต่งคำตอบตามประวัติการค้นหาที่ผ่านมาของผู้ใช้

Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้จะช่วยประหยัดเวลาและมอบ “คำตอบที่แม่นยำมากขึ้น” ให้กับผู้ใช้ ในขณะนี้ Gemini สามารถอ่านประวัติการค้นหาได้เท่านั้น แต่ในอนาคต จะสามารถเชื่อมต่อกับแอปและบริการอื่นๆ ของ Google ได้ การเข้าถึงประวัติการค้นหาของ Gemini เป็นแบบเลือกเข้าร่วม (opt-in) และอยู่ในช่วงทดลองในขณะนี้

วิธีการเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่

ในแอป Gemini ผู้ใช้สามารถใช้เมนูโมเดลเพื่อเลือก “Personalization” เพื่อเชื่อมต่อประวัติการค้นหา Google ของตน เมื่อส่งคำขอ Gemini จะวิเคราะห์ประวัติการค้นหาเพื่อดูว่าสามารถปรับปรุงคำตอบได้หรือไม่

Google กล่าวว่าประวัติการค้นหาจะถูกนำมาใช้เฉพาะเมื่อโมเดลการให้เหตุผลของระบบตัดสินว่ามีประโยชน์เท่านั้น และผู้ทดสอบในช่วงแรกพบว่าฟีเจอร์นี้มีประโยชน์สำหรับการระดมความคิดและคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคล

ความเป็นส่วนตัวและการควบคุมข้อมูล

ฟีเจอร์นี้ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวเป็นสำคัญ ผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะแชร์ประวัติการค้นหาของตนกับ Gemini หรือไม่ และสามารถปิดการใช้งานได้ตลอดเวลา ข้อมูลทั้งหมดที่ใช้จะอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัวของ Google ที่มีอยู่แล้ว

นอกจากนี้ Google ยังเน้นย้ำว่าการเลือกใช้ประวัติการค้นหาจะเป็นไปอย่างชาญฉลาด โดยระบบจะเลือกใช้เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับคำถามปัจจุบันเท่านั้น ไม่ใช่การดึงข้อมูลทั้งหมดมาใช้โดยไม่จำเป็น ซึ่งช่วยให้คำตอบมีความเกี่ยวข้องและเป็นประโยชน์มากขึ้น

ประโยชน์ของการปรับแต่งคำตอบเฉพาะบุคคล

การเพิ่มความสามารถในการใช้ประวัติการค้นหานี้จะช่วยให้ Gemini สามารถให้ข้อมูลที่ตรงกับความสนใจและความต้องการของผู้ใช้แต่ละรายได้ดียิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้เคยค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการเขียนโค้ดในภาษา Python มาก่อน เมื่อถามคำถามเกี่ยวกับการเขียนโปรแกรม Gemini อาจจะให้คำตอบที่เน้นการใช้ Python มากกว่าภาษาโปรแกรมอื่นๆ

นอกจากนี้ การปรับแต่งคำตอบยังช่วยให้ Gemini สามารถเสนอแนะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับบริบทปัจจุบันของผู้ใช้ได้ดีขึ้น เช่น หากผู้ใช้กำลังวางแผนเดินทาง ระบบอาจจะสามารถนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ที่ผู้ใช้สนใจได้อย่างเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

บริการที่รองรับและแผนในอนาคต

ในขณะนี้ Gemini กับการปรับแต่งเฉพาะบุคคลมีให้บริการสำหรับสมาชิก Gemini และ Gemini Advanced บนเว็บ และจะเริ่มใช้งานบนอุปกรณ์มือถือในเร็วๆ นี้

ในอนาคต Google มีแผนที่จะขยายความสามารถของ Gemini ให้สามารถเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ ของ Google นอกเหนือจากประวัติการค้นหา เช่น Google Calendar, Gmail หรือ Google Drive ซึ่งจะช่วยให้ Gemini สามารถให้คำตอบและความช่วยเหลือที่ครอบคลุมและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น

การแข่งขันในตลาด AI ที่เพิ่มขึ้น

การเพิ่มความสามารถนี้ถือเป็นความพยายามของ Google ในการแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ AI อื่นๆ ในตลาด เช่น ChatGPT ของ OpenAI หรือ Claude ของ Anthropic ที่ต่างก็กำลังพัฒนาความสามารถในการให้คำตอบที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น

การที่ Google มีข้อได้เปรียบในแง่ของการมีระบบนิเวศผลิตภัณฑ์ที่กว้างขวาง ทำให้สามารถใช้ข้อมูลจากหลากหลายบริการเพื่อปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน AI ได้ในอนาคต แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องระมัดระวังในเรื่องของความเป็นส่วนตัวและการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ด้วย

บทบาทของ AI แบบปรับแต่งเฉพาะบุคคลในชีวิตประจำวัน

เทคโนโลยี AI แบบปรับแต่งเฉพาะบุคคลกำลังมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำเนื้อหาบน YouTube หรือ Netflix การแสดงโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับความสนใจของผู้ใช้ หรือการแนะนำเส้นทางที่เหมาะสมใน Google Maps

การที่ Gemini สามารถใช้ประวัติการค้นหาเพื่อปรับแต่งคำตอบ จึงเป็นอีกก้าวหนึ่งในการทำให้ AI มีความเป็นผู้ช่วยส่วนตัวมากขึ้น ซึ่งอาจจะเปลี่ยนวิธีที่เราใช้งาน AI ในอนาคต จากเดิมที่เป็นเครื่องมือให้ข้อมูลทั่วไป มาเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจบริบทและความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคล

แม้ว่าในขณะนี้ความสามารถจะจำกัดอยู่ที่การใช้ประวัติการค้นหาเท่านั้น แต่เมื่อ Gemini สามารถเชื่อมต่อกับบริการอื่นๆ ของ Google ได้ในอนาคต คาดว่าจะมีประโยชน์มากขึ้นสำหรับการทำงานที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การจัดการตารางเวลา การวางแผนเดินทาง หรือการค้นหาข้อมูลจากอีเมลและเอกสารส่วนตัว

อ้างอิง | Macrumors.com