แอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดนิยม TikTok ที่กำลังเผชิญความเสี่ยงถูกแบนในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2025 อาจได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
หลังมีรายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ได้รับเลือกตั้ง มีแผนจะยับยั้งการแบนแอปพลิเคชันดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้งานในสหรัฐฯ มากกว่า 180 ล้านคนต่อเดือน
จากรายงานของหนังสือพิมพ์ วอชิงตัน โพสต์ โดย เจฟฟ์ สไตน์, ดรูว์ ฮาร์เวลล์ และ จาคอบ โบเกจ ระบุว่า ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะพยายามหยุดการแบน TikTok ในปีหน้า ตามที่ได้ให้คำมั่นระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง โดยภายใต้กฎหมายที่ผ่านด้วยเสียงสนับสนุนจากทั้งสองพรรคเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กำหนดให้แอปพลิเคชันดังกล่าวต้องหาเจ้าของรายใหม่ที่ไม่ได้ตั้งอยู่ในประเทศจีน มิฉะนั้นจะไม่สามารถให้บริการแก่ผู้ใช้ในสหรัฐฯ ได้
เคลลีแอนน์ คอนเวย์ อดีตที่ปรึกษาอาวุโสทำเนียบขาวและผู้ใกล้ชิด ทรัมป์ ได้แสดงความเห็นว่า “มีหลายวิธีที่จะจัดการกับจีน โดยไม่จำเป็นต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใช้ชาวอเมริกันกว่า 180 ล้านคนต่อเดือน” ซึ่งจุดยืนนี้แตกต่างอย่างมากจากนโยบาย “America First” ในสมัยที่ ทรัมป์ ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรก ที่มักมีความขัดแย้งกับจีนอยู่เสมอ
ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้บน TikTok เป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนานในสหรัฐฯ โดยนักการเมืองจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันต่างแสดงความกังวลว่า บริษัท ByteDance ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ TikTok ที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่ง อาจถูกรัฐบาลจีนบังคับให้ส่งมอบข้อมูลของผู้ใช้ชาวอเมริกัน ซึ่งอาจกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
กฎหมายฉบับใหม่ที่ลงนามโดย ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะมีผลบังคับใช้หนึ่งวันก่อนที่ ทรัมป์ จะเข้ารับตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่า ทรัมป์ จะดำเนินการอย่างไรในการยับยั้งการแบน และไม่แน่ชัดว่าจะพยายามหยุดยั้งก่อนที่กฎหมายจะมีผล หรือจะดำเนินการย้อนกลับหลังจากเข้ารับตำแหน่งพร้อมกับเสียงข้างมากของพรรครีพับลิกันในรัฐสภา
ด้าน TikTok ได้ออกมายืนยันถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ชาวอเมริกัน โดยบริษัทได้ลงทุนกว่าพันล้านดอลลาร์ในโครงการ “Project Texas” ซึ่งเป็นแผนการถ่ายโอนข้อมูลผู้ใช้ชาวอเมริกันทั้งหมดมาจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ และดำเนินการโดยบริษัท Oracle เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้อมูลจะไม่ถูกส่งไปยังจีน
อ้างอิง | 9to5mac.com
