เชื่อว่าหลายคนพออยู่บ้านนานๆ ไม่ค่อยได้ออกไปจับจ่ายใช้สอยตามปกติ คงมีบ้างที่มือแอบเผลอไปไถแอปฯ ช็อปปิงโดยไม่รู้ตัวกันบ่อยๆ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าไปเดินช็อปปิงในห้างฯ กับไถแอปฯ อยู่บ้านแบบไหนจะมีดวงเสียทรัพย์เยอะกว่า

โดยเฉพาะเด็กๆ วัยเรียนที่ฤดูกาลเปิดเทอมใกล้เข้ามาทุกที หรือบรรดาพนักงานที่ต้อง Work From Home คงต้องนึกอยากอัปเกรดแก็ดเจ็ตในมือให้ทันสมัยตอบโจทย์การใช้งานอยู่เสมอ ใครที่กำลังมองหาสมาร์ทแก็ดเจ็ตต่างๆ ที่จะสามารถยกระดับไลฟ์สไตล์ให้การใช้ชีวิตอยู่บ้านของเราไฮเทคขึ้น สมาร์ทขึ้น และตอบโจทย์การใช้งานในยุค New Normal แบบนี้ วันนี้เรามีเช็คลิสต์ 4 สมาร์ทแก็ดเจ็ตที่เปิดเทอมนี้ควรมีติดบ้านไว้มาแนะนำกัน

1. “แล็ปท็อป” ที่เร็ว แรง จอคมชัด แถมมีฟีเจอร์สุดว้าว

กระทั่งช่วงเวลาที่ต้องเรียนปกติเรายังต้องการแล็ปท็อปที่ทำงานได้ทันใจ เพราะงานที่รอให้ปั่นนั้นยาวเป็นหางว่าว ยิ่งเป็นช่วงที่ต้องเรียนออนไลน์ แล็ปท็อปก็ยิ่งทำงานหนัก นอกจากจะต้องเรียนเช้าเรียนบ่าย กลางคืนยังต้องใช้ปั่นการบ้าน ไม่ว่าจะงานเดี่ยวงานกลุ่ม จะมาเป็นคนเดียวที่แล็ปท็อปไม่พร้อมใช้งานไม่ได้ ดังนั้นจึงควรเลือกแล็ปท็อปที่มีชิปเซ็ตใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ อย่างเร็วๆ นี้หัวเว่ยเพิ่งเปิดตัว

HUAWEI MateBook Family 2021 ซึ่งใช้ชิปเซ็ตใหม่ล่าสุดจาก Intel โดยมีให้เลือกทั้ง 11th Gen Intel® Core™ processor และ 10th Gen Intel® Core™ processor ให้เหมาะสมกับการใช้งานของแต่ละคน พร้อมหน่วยความจำ 16 GB DDR4

โดยมีทั้งรุ่น HUAWEI MateBook 14 ที่หน้าจอเป็นระบบสัมผัส Multi-touch Screen แถมมีจอ 2K FullView Display ที่ให้ภาพคมชัด จะดูยูทูปดูเน็ตฟลิกซ์เวลาว่างก็ตอบโจทย์ในเครื่องเดียว หรือหากต้องการรุ่นที่หน้าจอขนาด 15 นิ้วก็มี HUAWEI MateBook D 15 ซึ่งจอกางได้ 178 องศา ทั้งคู่ได้รับการอัปเกรดให้รองรับเทคโนโลยี HUAWEI Share 3.0 เชื่อมต่อสมาร์ทโฟนหัวเว่ยที่มี EMUI 10.1 ขึ้นไป ให้จอมือถือไปปรากฏบนจอแล็ปท็อปได้ แถมยังเปิดใช้งานแอปพลิเคชันได้พร้อมกัน 3 แอปฯ 3 หน้าต่าง รวมถึงมีระบบระบายความร้อนทรงประสิทธิภาพด้วยพัดลม HUAWEI Shark Fin 2.0 และท่อระบายความร้อนแบบคู่ ช่วยให้เครื่องก็ไม่ร้อน ใช้งานไม่สะดุด ไม่หวั่นแม้ต้องเรียนกันทั้งวัน

2. “แท็บเล็ต” ไว้จดเลคเชอร์ เชื่อมต่อคีย์บอร์ดปากกา พร้อมโหมด E-Book และจอถนอมสายตา

เทคโนโลยีเดินทางมาถึงวันที่น้อยคนนักที่ยังจดเลคเชอร์หรือจด to-do list ลงสมุดด้วยลายมือ เพราะการใช้แท็บเล็ตจดบันทึกทั้งสะดวก รวดเร็ว จะลบ จะตกแต่งให้สวยงามก็ทำง่าย แถม sync ขึ้นคลาวด์แล้วแชร์ให้เพื่อนๆ ต่อหรือนำไปโพสต์โซเชียลได้ทันที ที่สำคัญคือไม่ต้องพกสมุดหลายเล่มให้วุ่นวายอีกต่อไป เพราะแค่เครื่องเดียวก็จัดระเบียบโน้ตได้ทุกวิชา ยิ่งแท็บเล็ตที่เชื่อมต่อกับคีย์บอร์ดและปากกาได้ยิ่งเป็นที่นิยม บางคนก็ใช้บ่อยจนแทบจะแทนแล็ปท็อปไปแล้ว แต่ประโยชน์ของแท็บเล็ตก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องเรียนเท่านั้น เพราะหลายคนก็ใช้ดูซีรีส์และดูคอนเทนต์ออนไลน์ต่างๆ เป็นเครื่องหลักเลยก็ว่าได้ เพราะหน้าจอใหญ่ ดูสบายตากว่าสมาร์ทโฟน แต่พกพาสะดวกและปรับอิริยาบถง่ายกว่าใช้แล็ปท็อป

อย่างปีนี้หัวเว่ยได้เปิดตัว HUAWEI MatePad พร้อมชิปเซ็ตอัปเกรดล่าสุด Kirin 820 ที่ประมวลผลรวดเร็ว ค่าความหน่วงต่ำ รองรับการเชื่อมต่อ WiFi-6 และการทำงานแบบ Multi-screen Collaboration ผ่านเทคโนโลยี HUAWEI Share ที่สามารถเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนหัวเว่ยที่มี EMUI 10.1 ขึ้นไป แล้วทำให้จอมือถือไปปรากฏบนจอแท็บเล็ตได้ ลากรูปส่งไฟล์แชร์ข้อมูลต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงมีรุ่น HUAWEI MatePad T 10s ที่เหมาะกับการเรียนรู้ของเด็กเล็ก เพราะมี Kid’s Corner

รวมถึงใช้ลำโพงตามมาตรฐาน Harman Kardon มอบประสบการณ์เสียงที่สมจริง ถนอมสายตาด้วยหน้าจอที่ผ่านการรับรองจาก TÜV Rheinland ว่าช่วยลดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ดังนั้นนอกจากใช้สำหรับการเรียนออนไลน์แล้ว จะพักสมองไปชมคอนเทนต์บันเทิงก็ตอบโจทย์ไม่แพ้กัน และยังมีรุ่นที่จับถนัดมืออย่าง HUAWEI MatePad T 8 ซึ่งเหมาะกับสายชอบอ่าน E-Book หรือต้องอ่านเอกสารจำนวนมาก เพราะสามารถปรับหน้าจอให้สบายตาเหมือนอ่านบนกระดาษ หมดปัญหาความล้าสายตา แถมสะดวกไปอีกขั้นเพราะรองรับการปลดล็อกหน้าจอด้วยการสแกนใบหน้า หยิบใช้เมื่อไรก็ปลดล็อกได้แบบทันใจ

3. “หูฟังไร้สาย” ขยับตัวไปไหนก็สะดวก เสียงคมชัด แบตอึดทนตลอดวัน

เปิดเทอมนี้ถ้าใครยังลังเลว่าควรเปลี่ยนจากหูฟังมีสายมาใช้หูฟังไร้สาย (TWS) ดีไหม ขอบอกเลยตรงนี้ว่าจงเปิดใจก้าวไปกับเทคโนโลยีกันเถอะ เพราะถ้าลองสักครั้งจะไม่หันหลังกลับไปอย่างแน่นอน คราวนี้จะนั่งเรียนอยู่แล้วอยากเปลี่ยนอิริยาบถหรือลุกเดินไปไหนก็อิสระ หมดสิ้นพันธนาการของสายหูฟัง

ยิ่งเดี๋ยวนี้หูฟังไร้สายมีให้เลือกเยอะจนราคาไม่แพงอีกต่อไป แถมแบตเตอรี่ก็อึดพอให้ใช้งานได้ทั้งวัน จะเรียนเช้ายันบ่ายก็ไม่สะดุด อย่างล่าสุดหัวเว่ยมี HUAWEI FreeBuds 4i ที่ราคาเพียง 2,799 บาท แต่มาพร้อมเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนรอบข้างที่ทรงประสิทธิภาพ เพราะใช้ไมโครโฟนคู่ซึ่งทำงานร่วม AI ตรวจจับและแยกแยะเสียงรบกวนได้อย่างแม่นยำ ใช้ไดนามิกไดร์เวอร์ขนาดใหญ่ 10 มิลลิเมตร มอบประสบการณ์เสียงที่ชัดใสไม่ว่าจะต้นทางหรือปลายทาง อีกทั้งยังสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 10 ชั่วโมง และสูงสุด 22 ชั่วโมงเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จ เชื่อมต่อเสถียรด้วยบลูทูธ 5.2 สามารถเชื่อมต่อแล็ปท็อป รวมทั้งแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนได้ทุกระบบปฏิบัติการ

4. “สมาร์ทวอทช์” ที่วัดค่าแม่นยำ เหมือนมีโค้ชส่วนตัวไว้มอนิเตอร์สุขภาพ

ประการสุดท้าย เรียนหนักแล้วต้องห้ามลืมใส่ใจสุขภาพ สมาร์ทวอทช์สมัยนี้ฉลาดมากกว่าจะมีไว้สำหรับวัดระยะทางการวิ่ง หรือแจ้งเตือนข้อความเข้าแล้ว เพราะยังมีโหมดออกกำลังกายให้เลือกสารพัดรูปแบบ ทั้งกลางแจ้งและในร่ม ทั้งยังสามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจระหว่างออกกำลังกาย ติดตามคุณภาพการนอนหลับ ตรวจสอบและบริหารจัดการความเครียด วัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) เพื่อวัตถุประสงค์ทางด้านการออกกำลังกายโดยเฉพาะ รวมถึงสารพัดฟีเจอร์ที่รวมมาให้อยู่บนข้อมือ อย่าง HUAWEI Watch Fit มีความพิเศษที่หน้าจอ AMOLED ขนาด 1.64 นิ้ว ติดตามการออกกำลังกายได้สูงสุด 96 โหมด แถมยังมีฟีเจอร์ Animated Fitness Coach สอนท่าออกกำลังกายให้ 12 คอร์ส สามารถขยับร่างกายตามกันได้เหมือนมีโค้ชส่วนตัวอยู่ด้วย หรือจะเลือกให้เฉพาะทางขึ้นอีกระดับอย่าง HUAWEI Watch GT 2 ที่ใช้ชิปเซ็ต Kirin A1 พร้อมเทคโนโลยีประหยัดพลังงานที่ทำให้ใช้งานต่อเนื่องได้นานสูงสุด 2 สัปดาห์ หน้าปัดกระจก 3 มิติที่ทำให้ดูดีแม้ในวันที่แต่งตัวสบายๆ อยู่กับบ้าน เป็นทั้งผู้ช่วยส่วนตัวด้านสุขภาพและผู้ช่วยด้านการเสริมลุคได้ในเครื่องเดียว

จากที่ได้แนะนำมาทั้งหมดนี้คงพอเห็นภาพกันแล้วว่า สมาร์ทแก็ดเจ็ตที่มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้สามารถยกระดับไลฟ์สไตล์ช่วงเรียนออนไลน์และ Work From Home ของเราให้สะดวกสบายขึ้นได้อย่างไรบ้าง แน่นอนว่ายุคดิจิทัลเช่นนี้หลายคนคงมีบางไอเท็มที่กล่าวมาอยู่บ้างแล้ว

แต่ลองนึกดูว่าถ้าหากเรามีแก็ดเจ็ตครบมือทั้งแล็ปท็อปที่ไว้เรียนหรือทำงานเป็นหลัก มีแท็บเล็ตไว้จดบันทึกและพักชมคอนเทนต์บันเทิงยามว่าง เชื่อมต่อทุกคอนเทนต์เสียงผ่านหูฟังไร้สายที่ทำให้ลุกเดินไปไหนสะดวกสบายโดยที่เสียงยังคมชัด รวมถึงสวมสมาร์ทวอทช์ไว้คอยมอนิเตอร์สุขภาพและผลักดันให้เราออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่นนี้แล้วชีวิตจะสะดวกสบายเพียงไหน หรือที่จริงถ้าบวกสมาร์ทโฟนไปอีกอย่าง

ทั้งหมดนี้ก็จะมีชื่อเรียกในวงการไอทีว่า “อีโคซิสเต็ม” นั่นเอง ดังที่หัวเว่ยได้พัฒนาอีโคซิสเต็มของตนเองบนกลยุทธ์ 1+8+N โดยเลข “1” แทนสมาร์ทโฟนที่เป็นศูนย์กลาง และเชื่อมต่อกับ “8” คือสมาร์ทแก็ดเจ็ตต่างๆ รวมไปถึง “N” คืออุปกรณ์ IoT อีกนับไม่ถ้วน ซึ่งจะทำให้ทุกอุปกรณ์ของเราเชื่อมต่อถึงกันแบบครบวงจร ยกระดับไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล ตามกลยุทธ์ “ชีวิตเอไอ ไร้รอยต่อ” ของหัวเว่ยนั่นเอง 

สำหรับใครที่สนใจผลิตภัณฑ์ที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ตอนนี้หัวเว่ยจัดโปรโมชัน Back To School ต้อนรับฤดูกาลเปิดเทอม ให้เรียนออนไลน์และ Work From Home กันได้แบบล้ำๆ

โดยมอบของสมนาคุณสุดคุ้มมากมายที่จะยกระดับไลฟ์สไตล์ในยุค New Normal ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่สั่งซื้อสินค้าผ่าน HUAWEI Online Store รวมถึงหน้าร้าน HUAWEI Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2564 ถึง 13 มิถุนายน 2564 โดยสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรโมชัน Back To School ได้ที่นี่ หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยได้ที่นี่

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
มาทำความสะอาด “iPhone” สู้ไวรัสโควิด-19 กัน
ปีใหม่นี้ซื้อของขวัญอะไรดี คนรับต้องปลื้ม ติดตัวได้ไม่ห่างกายคนที่เรารัก
How-To วิธีปิด 5G บนมือถือ Samsung หากคุณไม่ได้ใช้และต้องการประหยัดไฟมือถือ

Leave Your Reply

*