ในยุคที่ธุรกิจต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับคลื่น “ดิจิทัล ดิสรัปชัน” (Digital Disruption) รูปแบบการทำงานในปัจจุบันก็กำลังเผชิญหน้ากับกระแสของความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน เนื่องจากเทคโนโลยีได้เข้ามาทำลายข้อจำกัดของเวลาและสถานที่

โดยช่วยอำนวยความสะดวกให้เราสามารถทำงานที่ไหนหรือเวลาใดก็ได้ จนทำให้เกิดรูปแบบใหม่ของการทำงานที่มีอิสระมากขึ้น มีเวลาในการทำงานที่ยืดหยุ่นขึ้น สามารถเลือกรับงานได้ตามความเหมาะสม และกลายเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ของการทำงานในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น งานฟรีแลนซ์ การขายสินค้าออนไลน์ รวมไปถึงการสร้างรายได้ผ่านแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชันต่างๆ

อย่างการเป็นพาร์ทเนอร์คนขับ-จัดส่งอาหารของแกร็บซึ่งกำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่ทุกคนกำลังเผชิญกับวิกฤติโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้หลายธุรกิจต้องหยุดชะงัก บางองค์กรต้องมีการเลิกจ้างหรือปิดตัวกิจการลง ทำให้หลายคนหันมาสมัครเป็นคนจัดส่งอาหารหรือพัสดุเพื่อเป็นอาชีพเสริม

ด้วยรูปแบบการทำงานที่มีความยืดหยุ่น สามารถเลือกรับงานได้ตามช่วงเวลาที่สะดวก พร้อมเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถสร้างรายได้เสริมจากการใช้ประโยชน์ของแอปพลิเคชัน เพียงแค่มีใจรักบริการ มีใบขับขี่และไม่มีประวัติอาชญากรรม จึงทำให้ “พาร์ทเนอร์แกร็บ” กลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพทางเลือกที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น

โดยนอกเหนือจากค่าตอบแทนจากการให้บริการแล้ว แกร็บยังมีสิทธิประโยชน์อื่นๆ ให้กับพาร์ทเนอร์ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น โบนัสหรืออินเซนทีฟ ประกันอุบัติเหตุ นอกจากนั้น ยังมีส่วนลดหรือสิทธิพิเศษจากพันธมิตรของแกร็บ รวมถึงโอกาสในการเข้าถึงบริการทางการเงินที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากแกร็บมีการออกเอกสารรับรองรายได้ให้กับพาร์ทเนอร์ ซึ่งสิทธิประโยชน์ส่วนนี้จะแตกต่างกันไปตามระดับของการรับงาน

สำหรับวันแรงงานแห่งชาติปีนี้ แกร็บ ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับพาร์ทเนอร์คนขับและผู้รับส่งอาหาร-พัสดุในประเทศไทย* มาดูกันว่าปัจจุบันพาร์ทเนอร์ของแกร็บกว่าแสนรายเป็นคนกลุ่มไหนกันบ้าง

กว่า 3 ใน 4 ของพาร์ทเนอร์แกร็บให้บริการจัดส่งอาหารและพัสดุ

  • หากแบ่งตามประเภทบริการ พาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่ของแกร็บถึง 77% ให้บริการจัดส่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ด (GrabFood) และบริการจัดส่งพัสดุผ่านแกร็บเอ็กซ์เพรส (GrabExpress) ในขณะที่ 23% ให้บริการการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น แกร็บคาร์ (GrabCar) แกร็บแท็กซี่ (GrabTaxi) แกร็บไบค์ (GrabBike) รวมไปถึงบริการคนขับรถยนต์ส่วนตัวอย่างแกร็บไดรฟ์ยัวร์คาร์ (GrabDriveYourCar)
  • หากแบ่งตามประเภทของยานพาหนะที่ใช้ 64% ของพาร์ทเนอร์แกร็บใช้รถจักรยานยนต์ในการรับงาน ขณะที่ 35% ใช้รถยนต์เพื่อให้บริการการเดินทาง รวมถึงการจัดส่งพัสดุ ที่น่าสนใจคือมี 1% ที่ไม่ได้ใช้ยานพาหนะใดๆ แต่เลือกใช้ “การเดินเท้า” เพื่อจัดส่งอาหารในระยะใกล้ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แกร็บฟู้ด วอล์ค” (GrabFood Walk) ซึ่งส่วนมากเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ต้องการหารายได้เสริมระหว่างเรียน

เพศชาย และเจน Y ยังถือเป็นกลุ่มใหญ่ของพาร์ทเนอร์แกร็บ

  • หากแบ่งตามวัยหรือเจเนอเรชัน พบว่าพาร์ทเนอร์ของแกร็บอยู่ในกลุ่มเจน Y (คือคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2523 – 2537) มากที่สุดถึง 5% รองลงมาคือเจน X (คือคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2503 – 2522) คิดเป็น 26% และเจน Z (คือคนที่เกิดระหว่างปี พ.ศ. 2538 – 2553) คิดเป็น 24% ในขณะที่กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (คือคนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2503) มีสัดส่วนเพียง 1.5% โดยพบว่าพาร์ทเนอร์ที่มีอายุมากที่สุดคือ 83 ปี
  • หากแบ่งตามเพศ แน่นอนว่าพาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่ของแกร็บถึงกว่า 86% เป็นเพศชาย แต่ก็เริ่มเห็นว่ามีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่เริ่มหันมารับงานอิสระเพื่อสร้างรายได้เสริมจากการให้บริการรับ-ส่งผู้โดยสาร ส่งอาหาร รวมถึงส่งของ

สร้างรายได้เสริมจากการทำงานแบบพาร์ทไทม์ ทางเลือกในวิกฤติโควิด-19

  • ด้วยลักษณะการทำงานที่ยืดหยุ่น สามารถเลือกช่วงเวลาที่รับงานได้ตามความสะดวกของตนเอง ทำให้คนส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์จากแอปพลิเคชันแกร็บในการหารายได้เสริม โดยมีพาร์ทเนอร์แกร็บมากถึง 71% ที่เลือกรับงานแบบพาร์ทไทม์ (Part-time) คือมีระยะเวลาในการให้บริการน้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวัน ในขณะที่ 29% ของพาร์ทเนอร์ตั้งใจใช้แพลตฟอร์มออนไลน์อย่างแกร็บเป็นช่องทางในการหารายได้หลักโดยรับงาน 8 ชั่วโมงต่อวันขึ้นไป โดยกลุ่มนี้รวมถึงพาร์ทเนอร์คนขับแกร็บแท็กซี่ ซึ่งส่วนใหญ่ขับรถรับจ้างเป็นอาชีพอยู่แล้ว
  • หากเจาะลึกไปที่ระยะเวลาหรือจำนวนปีที่พาร์ทเนอร์เหล่านี้ให้บริการ พบว่ามีพาร์ทเนอร์5% ที่ถือเป็นแกร็บรุ่นบุกเบิก คืออยู่บนแพลตฟอร์มแกร็บมายาวนานกว่า 5 ปี ขณะที่พาร์ทเนอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มที่ให้บริการไม่เกิน 3 ปีซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่แกร็บได้เริ่มบุกตลาดการจัดส่งอาหารผ่านแกร็บฟู้ด (GrabFood) อย่างจริงจัง โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่เป็นพาร์ทเนอร์มาแล้ว 1 – 3 ปีจำนวน 26.5% และ 6 เดือน – 1 ปีจำนวน 19% แต่ที่ถือเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดถึงกว่า 44% นั้น คือกลุ่มที่เพิ่งสมัครเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งพาร์ทเนอร์กลุ่มนี้รวมถึงกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบในช่วงวิกฤติโควิด-19 อย่างพนักงานประจำที่ต้องพักงานหรือถูกลดเงินเดือน จึงเข้ามาสมัครเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บเพื่อหารายได้เสริม [โดยระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคมที่ผ่านมา แกร็บได้เปิดรับพาร์ทเนอร์ผู้จัดส่งอาหารแล้วกว่า 29,000 อัตราเพื่อเปิดโอกาสในการสร้างรายได้เสริมให้กับคนไทยในภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจ]
  • ปัจจุบัน บริการของแกร็บครอบคลุมใน 26 จังหวัดทั่วประเทศ แต่สำหรับ 5 จังหวัดที่มีจำนวนพาร์ทเนอร์แกร็บมากที่สุดยังคงเป็นเมืองใหญ่ของทุกภูมิภาคและเป็นจังหวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว อันได้แก่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และนครราชสีมา

จะเห็นได้ว่าการเป็นพาร์ทเนอร์แกร็บไม่ได้จำกัดแค่อยู่เพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
โอกาสในการสร้างรายได้จากเทคโนโลยีนั้นเปิดกว้างสำหรับคนทุกกลุ่ม
ทั้งในช่วงสถานการณ์ปกติ
หรือแม้แต่ยามที่หลายภาคธุรกิจต้องเผชิญกับความท้าทายอย่างวิกฤติโควิด-19
รูปแบบของงานประเภทนี้ก็ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกและมีบทบาทสำคัญที่ช่วยกระจายรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้

ข่าวประชาสัมพันธ์

SHARE
คนเล่าเรื่องไอที ที่เชื่อว่าการได้เดินทางและการพบปะพูดคุยกับผู้คนในสายงานต่าง ที่ไม่คุ้นเคยคือกำไรชีวิต...หลงไหลในการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ ตื่นเต้นทุกครั้งเมื่อได้เจอเจ้าหน้าที่ ตม.
RELATED POSTS
เปิดตัว JBL Brand Presenter ดึง “ต่อ ธนภพ” เสริมทัพ หวังเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
แกร็บมาร์ท ชูโมเมนต์มาร์เก็ตติ้ง รับวาเลนไทน์ ผุดแคมเปญสื่อรัก ตอกย้ำจุดแข็งส่งไวใน 25 นาที
เร็วแรงได้ง่ายๆ ทรูมูฟ เอช ผนึก ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดบริการใหม่ล่าสุด ซื้อแพ็กเสริมง่ายๆ ผ่านแอป SCB Easy

Leave Your Reply

*